AOT ยอมจ่ายส่วนแบ่งรายได้ 5%-ROA 3% ฟากกรมธนารักษ์ไม่เก็บย้อนหลัง6ปี

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT เปิดเผยว่า บริษัทได้ข้อสรุปในการจัดเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุกับกรมธนารักษ์แล้วในส่วนพื้นที่เชิงพาณิชย์ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรมธนารักษ์จัดเก็บจากส่วนแบ่งรายได้ 5% ซึ่งเป็นอัตราเดิม และจะคิดส่วนที่เพิ่มจากผลตอบแทนสินทรัพย์ (ROA) ในอัตรา 3% ของมูลค่าที่ดิน อาทิ ร้านค้าดิวตี้ฟรี โรงแรม เป็นต้น โดย AOT จะผลักภาระส่วนต่างกับผู้ประกอบการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

ส่วนที่ดินเปล่าที่รอการพัฒนาหรือแปลง 37 ที่มีที่ดินราว 600-700 ไร่นั้น ได้ข้อชัดเจนแล้วว่า ที่ดินดังกล่าวหากยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างจะเก็บ ROA ในอัตรา 2% แต่เมื่อก่อสร้างโครงการแล้วเสร็จจะจัดเก็บในอัตรา 3%

ขณะที่ในส่วนเขตปลอดภาษีในสนามบิน (Free Trade Zone) ที่มีพื้นที่ 420 ไร่นั้น จะจัดเก็บในอัตรา 1% ของกำไรสุทธิของงานบริหารพื้นที่นี้เพราะเป็นพื้นที่ช่วยเหลือผู้ส่งออก โดยที่ผ่านมา AOT จ้างบริษัทอื่นมาบริการทำกำไรสุทธิได้ 10 ล้าบาท เท่ากับจ่ายผลตอบแทน 100,000 บาท อย่างไรก็ตาม AOT ได้นำกลับมาบริหารเองเมื่อไม่นาน

ทั้งนี้ การจัดเก็บแบบใหม่จะเริ่มมีผลใช้ตั้งแต่งวดปี 61 ( ต.ค.60-ก.ย.61) โดยสัญญาเช่าที่ราชพัสดุจะหมดในปี 64 สำหรับค่าเช่าที่จะเก็บย้อนหลังในช่วงปี 55-60 นั้น กรมธนารักษ์จะไม่คิดค่าตอบแทนแบบ ROA แต่ให้คิดส่วนต่างจากอัตราเงินเฟ้อของแต่ละปีของจำนวนเงินที่ AOT ได้จ่ายค่าเช่าที่แบบส่วนแบ่งรายได้ 5% ไปแล้ว โดยคาดว่าในส่วนนี้มีจำนวนไม่มาก

 

อนึ่งก่อนหน้านี้ นายนิตินัย เคยเปิดเผยว่า หากกรมธนารักษ์จัดเก็บอัตรา 5% เช่นเดียวกับท่าอากาศยานอื่นที่ทำกำไรก็จะไม่เกิดผลกระทบกับผู้โดยสาร แต่หากจัดเก็บค่าตอบแทนอัตรา 6-7% คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อผู้โดยสาร ซึ่งการปรับขึ้นทุกๆ 1% จะทำให้ ทอท.มีต้นทุนเพิ่ม 320 ล้านบาท

นอกจากนี้หากกรมธนารักษ์เรียกเก็บค่า ROA สำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะกระทบกับผู้โดยสารแน่นอน เพราะต้นทุนของ ทอท.จะขึ้นมาเป็น 5 พันล้านบาทต่อปี ทอท.ก็จำเป็นต้องขอปรับขึ้นค่าธรรมเนียมสนามบิน PSC และเก็บเพิ่มจากผู้เช่าพื้นที่เชิงพาณิชย์

ขณะที่ นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เคยเปิดเผยว่า การจัดเก็บค่าเช่าของสนามบินสุวรรณภูมิยังคงจัดเก็บผลตอบแทนต่อส่วนแบ่งส่วนกำไร (Profit Sharing) เหมือนเดิม แต่จะมีการปรับอัตราค่าเช่าขึ้นจากการประเมินราคาที่ดินใหม่ โดยการปรับขึ้นค่าเช่าของกรมฯปีนี้จะทำให้มีรายได้ประมาณเพิ่มขึ้น 3-5% เท่านั้น ไม่มีผลกระทบต่อรัฐวิสาหกิจ หรือผู้เช่ารายย่อยแต่อย่างใด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงการคลัง