ALLA ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 20% ลุ้นผลประมูลงานกว่า 2 พันล้าน!
ALLA คงเป้ารายได้โต 20% โชว์แบ็กล็อก 360 ล้านบาท รับรู้ในปีนี้ 70-80% เผยอยู่ระหว่างประมูลอีก 2 พันล้านบาท เล็งตั้งบริษัทร่วมทุนในอินโดนีเซียคาดเสร็จไตรมาส 4/60
นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล่า จำกัด (มหาชน) หรือ ALLA เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทยังคงมั่นใจรายได้จะเติบไม่ต่ำกว่า 20% จากปี 2559 มีรายได้อยู่ที่ 607.46 ล้านบาท เนื่องจากในเดือนพ.ค. 2560 บริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 360 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2560 ประมาณ 70-80% ประกอบกับยังมีงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/60 คาดจะเติบโต จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากงานที่จะรับรู้รายได้ในไตรมาส1/60 มีการเลื่อนมารับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 2/60 ประกอบกับบริษัทมีงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ Backlog มีการเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
อีกทั้งบริษัทมีงานที่อยู่ระหว่างประมูลประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยบริษัทคาดจะได้รับงานประมาณ 20% ของมูลค่าที่ยื่นประมูล และส่วนใหญ่จะทยอยรู้ผลภายในปี 2560 ซึ่งหลังจากได้งานบริษัทจะมีการรับรู้รายได้ประมาณ 3-6 เดือน
รวมทั้งในขณะนี้บริษัทยังคาดจะมีการเซ็นสัญญารับงานเครนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง มูลค่าประมาณ 40-50 ล้านบาท และอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าขยะ 2-3 ราย ซึ่งคาดจะเห็นความชัดเจนหลังจากผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าขออนุมัติใบอนุญาตรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เป็นเรียบร้อยแล้ว
ส่วนความคืบหน้าในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในประเทศอินโดนีเซีย ขณะนี้ได้มีการจัดโครงสร้างต่าง ๆเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จช้าสุดภายในไตรมาส 4/60 และจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/61 โดยหลังจากการจัดตั้งบริษัทร่วมแล้วทุนดังกล่าวเสร็จ บริษัทจะเริ่มเจรจากับลูกค้า เพื่อหางานใหม่เข้ามาเสริมการเติบโต
ทั้งนี้ บริษัทยังวางแผนการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในขณะนี้บริษัทได้มองการลงทุนในประเทศเมียนมา หลังจากกลุ่มผู้ประกอบการญี่ปุ่นเริ่มเข้าไปลงทุนในเมียนมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งการเข้าไปลงทุนดังกล่าวยังคงเป็นธุรกิจเครน รอกไฟฟ้า และประตูอุตสาหกรรม
โดยบริษัทยังอยู่ระหว่างพิจารณาจะเป็นการลงทุนเองทั้งหมด หรือเป็นการร่วมลงทุน ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนหลังจากที่ร่วมทุนในประเทศอินโดนีเซียแล้วเสร็จ โดยเบื้องต้นบริษัทคาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท เพื่อสร้างสำนักงานขาย
ส่วนแหล่งเงินทุนบริษัทยังพร้อมในการลงทุน เนื่องจากมีเงินที่เหลือจากการเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ประมาณ 300 ล้านบาท
นอกจากนี้ ล่าสุดบริษัทได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงานการขายประตูอุตสาหกรรมในอินโดนีเซีย และได้ปิดการขายเป็นที่เรียบร้อย โดยงานดังกล่าวมีมูลค่างาน 8-9 ล้านบาท และบริษัทได้ค่านายประมาณ 1 ล้านบาท