ECF-QTC-VTE ผนึกกำลังลงทุนโรงไฟฟ้าในเมียนมา 220 MW คาดเริ่ม COD ปี 61
ECF-QTC-VTE ผนึกกำลังลงทุนโรงไฟฟ้าในเมียนมา 220 MW คาดเริ่ม COD ปี 61
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF,บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC และ บริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ VTE ร่วมลงทุนโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ขนาด 220 เมกะวัตต์ ที่เมืองมินบู รัฐมาเกวย ประเทศเมียนมา ผ่านบริษัท เพลังงานเพื่อโลกสีเขียว (ประเทศไทย) หรือ GEP คาดเริ่มการจ่ายไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์(COD)ได้ปี 61 โดย VTE ได้เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างทั้งโครงการ
GEP มีบริษัทจดทะเบียนจากประเทศไทยเข้าร่วมถือหุ้นด้วยกันสามบริษัทคือ บริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด (ECF-Power) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ ECF ถือหุ้น 20% บริษัท คิวทีซีโกลบอลพาวเวอร์ จำกัด (QTCGP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ QTC ถือหุ้น 15% และ VTE ถือหุ้น 12% สำหรับผู้ถือหุ้นที่เหลือคือ Noble Planet Pte. Ltd.(สัญชาติสิงคโปร์) ถือหุ้น 5% และ Planet Energy Holdings Pte. Ltd. (สัญชาติสิงคโปร์) ถือหุ้น 48%
ทั้งนี้ GEP มีบริษัทย่อย 1 แห่ง ถือหุ้น 100% คือ บริษัท จีอีพี (เมียนมาร์) จำกัด (GEP-Myanmar) เป็นบริษัทสัญชาติเมียนมา ซึ่งได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement :PPA) กับ Electric Power Generation Enterprise (EPGE) ซึ่งเป็นองค์กรที่อยู่ภายใต้ Ministry of Electricity and Energy ของเมียนมา โดย EPGE จะรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งประมาณ 220 เมกะวัตต์ หรือโครงการมินบูคิดเป็นอัตราการรับซื้อไฟฟ้าสูงสุดที่ 170 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 30 ปี นับตั้งแต่วันเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date : COD) ในอัตราการรับซื้อไฟฟ้าคงที่ที่ 0.1275 เหรียญดอลลาร์สหรัฐต่อหน่วยไฟฟ้า ตลอดอายุสัญญาของ PPA โครงการผลิตไฟฟ้าได้แบ่งออกเป็น 4 เฟส มีระยะเวลาห่างกันทุก ๆ 1 ปี รวมกำลังผลิตติดตั้งทั้งสิ้น 220 เมกะวัตต์ อัตราการรับซื้อสูงสุด 170 เมกะวัตต์ โดยจะเริ่ม COD เฟส 1 ได้ตั้งแต่ปี 61 เป็นต้นไป