VTE เล็งลงทุนโซลาร์ฟาร์ม-ชีวมวลในญี่ปุ่น 50MW คาดเสนอบอร์ด ส.ค.นี้

VTE ฟุ้งรายได้ปีนี้แตะ 3 พันลบ. - เล็งลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์-ชีวมวลในญี่ปุ่น จำนวน 3 โรง ขนาดกำลังการผลิตรวม 50 MW คาดเสนอบอร์ดเดือนส.ค.นี้


นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ กรรมการและกรรมการบริหาร บริษัท วินเทจ วิศวกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ VTE เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) จำนวน 3 โรง กำลังการผลิตไฟฟ้า 25 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าไบโอแมส จำนวน 1 โรง กำลังการผลิตไฟฟ้า 25 เมกะวัตต์ โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมกันอยู่ที่ 50 เมกะวัตต์

โดยบริษัทมองเห็นถึงโอกาสในการลงทุนจากอัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่สูงกว่าประเทศไทยถึง 2 เท่า ในขณะที่ค่าก่อสร้างเท่ากัน ทำให้ในภาพรวมของการลงทุนได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าการลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะนำเรื่องดังกล่าวเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในช่วงเดือนส.ค.ที่จะถึงนี้

อีกทั้งล่าสุด บริษัทได้บริษัทได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นและหนี้ของบริษัท วี.โอ.เน็ต ไบโอดีเซล เอเซีย จำกัด หรือ VON ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล กำลังการผลิตไฟฟ้า 1.267 เมกะวัตต์ จากบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC มูลค่ารวม 126 ล้านบาท

โดยโครงการดังกล่าวมีอัตราการรับซื้อไฟที่ 6.5 บาทต่อหน่วย และให้อัตราผลตอบแทนจากการลงุทน (IRR) อยู่ที่ 8-9% ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างกำไรให้กับบริษัทได้เฉลี่ย 1 ล้านบาท/เดือน

“ในอนาคตเราก็คาดหวังสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นไปถึง 50% ใกล้เคียงกับสัดส่วนรายได้จากธุรกิจงานก่อสร้าง เพื่อช่วยลดความเสี่ยงเรื่องความไม่แน่นอนของงานประมูลก่อสร้างในระยะต่อไป โดยโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลที่เราซื้อมาจาก IFEC ก็ถือเป็นโครงการโรงไฟฟ้าในไทยโครงการแรกที่สร้างรายได้จากการขายไฟฟ้าในประเทศให้กับเรา”นายศุภศิษฏ์ กล่าว

ด้านผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้ในจะเติบโตเท่าตัว หรือมีรายได้แตะ 3 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.67 พันล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3 พันล้านบาท จากงานก่อสร้างระบบภายในและก่อสร้างทั่วไปในประเทศ ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 700-800 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในเมียนมา มูลค่างาน 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีระยะเวลาในการรับรู้รายได้เข้ามา 4 ปี หรือเฉลี่ย 2.5 พันล้านบาท/ปี และในปี 61 จะเริ่มมีการรับรุ้ส่วนแบ่งกำไรจากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในเฟสแรกจำนวน 50 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.61 เข้ามาหนุนผลการดำเนินงานในปี 61 ให้เติบโตขึ้น

Back to top button