TLUXE ร่วงหนักกว่า 8% หลังถูกคว่ำแผนขาย PP

TLUXE ณ เวลา 11.30 น. ราคาอยู่ที่ 6.95 บาท ลบ 0.65 บาท หรือ 8.55% สูงสุดที่ 7.45 บาท ต่ำสุดที่ 86.65 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 122.55 ล้านบาท ขณะที่ประธานกรรมการคาดปีนี้พลิกกลับมามีกำไร มองรายได้กว่า 3 พันลบ. หลังผลผลิตกุ้งในตลาดเริ่มดีขึ้น เผยมีสภาพคล่องเพียงพอลงทุนแม้ผู้ถือหุ้นไม่เห็นด้วยกับแผนเพิ่มทุน PP


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไทยลักซ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TLUXE ณ เวลา 11.30 น. ราคาอยู่ที่ 6.95 บาท ลบ 0.65 บาท หรือ 8.55% สูงสุดที่ 7.45 บาท ต่ำสุดที่ 86.65 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 122.55 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.19%

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงแรง คาดว่ามาจากประเด็นที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น TLUXE ปี 2558 มีมติไม่อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่นักลงทุนในวงจำกัดแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) เนื่องจากมีผู้ไม่เห็นด้วย49,101,784 เสียงคิดเป็น 19.09% ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน

ส่งผลให้มีวาระที่ผ่านการอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นแล้ว แต่ต้องยกเลิก คือ วาระที่ 11 พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นและมูลค่าที่ตราไว้ของบริษัท ,วาระที่ 12 พิจารณาอนุมัติการแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้นและมูลค่าที่ตราไว้ของบริษัท

อีกทั้งวาระที่ 13 พิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัทในส่วนหุ้นที่ยังมิได้จำหน่าย ,วาระที่ 14 พิจารณาอนุมัติการแก้ไขหนังสือบริคณห์สนธิ ข้อ 4 เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงจำนวนหุ้น และวาระที่ 15 พิจารณาอนุมัติให้ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ดังนั้นประธานที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น จึงแถลงถอนวาระที่ 17-20 และไม่มีการพิจารณาและลงมติในวาระดังกล่าวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม นายอนุโรจน์ เสนีย์ประกรณ์ไกร ประธานกรรมการ TLUXE เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไร หลังมองรายได้รวมปีนี้จะทำได้กว่า 3 พันล้านบาท จากผลผลิตกุ้งในตลาดเริ่มดีขึ้น และมียอดขายงานจากงานรับจ้างผลิตเข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่เตรียมเดินหน้าปรับปรุงกระบวนการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงตามแผน หลังยังมีสภาพคล่องเพียงพอ

ทั้งนี้บริษัทประเมินผลการดำเนินงานปี 58 จะมีรายได้รวมกว่า 3,000 ล้านบาท และพลิกกลับมามีกำไรสุทธิจากปี 2557 ที่ขาดทุน 10.66 ล้านบาท ที่ได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงจากโรคระบาดในกุ้งและต้นทุนขายที่ปรับตัวสูงขึ้น แต่ในปีนี้ผลผลิตกุ้งในตลาดเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับบริษัทยังมียอดขายส่วนเพิ่มเข้ามาจากการหันมารับงานรับจ้างผลิต (OEM) อาหารสัตว์เลี้ยง (สุนัข กับ แมว)ให้กับ บริษัท นูทริกซ์ ที่จะสร้างรายได้เข้ามาอีกราว 400-500 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น660 ล้านบาทในปี 59 และ 880 ล้านบาทในปี 60

สำหรับการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 58 เมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ผู้ถือหุ้นบางส่วนมีมติไม่เห็นด้วย กับการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท ให้แก่ PP จำนวนไม่เกิน 1,200,000,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 0.75 บาท จึงทำให้การพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทเป็นอันยกเลิก หากวาระใดวาระหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนไม่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว

อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นมีมติเห็นด้วยกับการขอเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของบริษัทอีก 5 ข้อ ได้แก่

1. การประกอบกิจการโรงงานอุตสาหกรรมผลิตนำเข้า และจัดจำหน่ายอาหารสำเร็จรูป

2. การประกอบธุรกิจเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกประเภท ได้แก่ พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานจากการเผาไหม้วัสดุจากการเกษตร พลังงานขยะ พลังงานน้ำ เป็นต้น

3. การประกอบกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาคารชุด ห้องชุด การค้าที่ดิน หรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง  4.การติดต่อและทำการตกลงส่วนราชการ องค์การของรัฐ กระทวง ทบวง กรม บุคคล เพื่อขอรับสิทธิในเครื่องหมายการค้า กรรมสิทธิ์ ลิขสิทธิ์สัมปทาน และสิทธิพิเศษ อันจำเป็นต่อการประกอบธุรกิจตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และ 5.ประกอบกิจการผลิต จัดการ วางระบบ ให้บริการ ส่งเสริม พัฒนา และลงทุนในกิจการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ระบบขนส่ง ประปา ไฟฟ้า โทรคมนาคม พลังงานทางเลือก และระบบบริหารจัดการน้ำหรือ การชลประทาน และกิจการอื่นที่เกี่ยวข้องทุกชนิด

Back to top button