สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 13 ก.ค.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก เมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร ก่อนที่เจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ในวันนี้ และจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มค้าปลีก นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เน้นย้ำในการแถลงนโยบายรอบครึ่งปีเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,553.09 จุด เพิ่มขึ้น 20.95 จุด หรือ +0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,447.83 จุด เพิ่มขึ้น 4.58 จุด หรือ +0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,274.44 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด หรือ +0.21%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้เน้นย้ำในการแถลงนโยบายรอบครึ่งปีเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 386.14 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,641.33 จุด เพิ่มขึ้น 14.75 จุด หรือ +0.12% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,235.40 จุด เพิ่มขึ้น 13.27 จุด หรือ +0.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,413.44 จุด ลดลง 3.49 จุด หรือ -0.05%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดขยับลง เมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) จากแรงกดดันของสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้น ภายหลังจากนายเอียน แม็กแคฟเฟอร์ตี หนึ่งในกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารอังกฤษ (BoE) ได้ออกมาสนับสนุนให้ธนาคารกลางพิจารณาถอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ให้เร็วขึ้น
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 3.49 จุด หรือ -0.05% ปิดที่ 7,413.44 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวก เมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สอง
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 46.08 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 68 เซนต์ หรือ 1.4% ปิดที่ 48.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดขยับลง เมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทำนิวไฮติดต่อกัน 2 วันทำการนั้น ได้กดดันให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 1.8 ดอลลาร์ หรือ 0.15% ปิดที่ระดับ 1,217.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 19.6 เซนต์ หรือ 1.23% ปิดที่ 15.691 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 11.90 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 907.1 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 6.80 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 854.75 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) ภายหลังจากนายเอียน แม็กแคฟเฟอร์ตี หนึ่งในกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารอังกฤษ (BoE) ได้ออกมาสนับสนุนให้ธนาคารกลางพิจารณาถอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ให้เร็วขึ้น
ปอนด์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.2939 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2890 ดอลลาร์ ในขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.1400 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1416 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7731 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7679 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 113.21 เยน จากระดับ 113.25 เยน แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9671 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9652 ฟรังก์สวิส