TSE ฟุ้งปีนี้กำไรสูงกว่าปีก่อน ตั้งเป้าปี 58 รายได้จากการดำเนินงานโต 30%
TSE ตั้งเป้าปี 58 รายได้จากการดำเนินงานโต 30% มาที่ราว 1.1 พันลบ. คาดปีนี้กำไรสูงกว่าปีก่อนจากรับรู้โซลาร์ฟาร์ม-โซลาร์รูฟเพิ่ม เล็งนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นล้างขาดทุนสะสม 538 ลบ.ทั้งหมดภายในปีนี้ ตั้งงบลงทุน 1 หมื่นลบ.ในปี 58-59 เพื่อซื้อกิจการ-พัฒนาโครงการใหม่ เผยเตรียมออกหุ้นกู้วงเงิน 3 พันลบ.ใน Q4/58
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่านางสาวแคทลีน มาลีนนท์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ TSE ระบุว่า บริษัทคาดว่ากำไรปีนี้จะสูงกว่า 350 ล้านบาทในปีก่อนจากการรับรู้โครงการโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยผลักดันให้รายได้จากการดำเนินงานเติบโต 30% มาที่กว่า 1.1 พันล้านบาท จาก 800 ล้านบาทในปีก่อน ขณะที่มีแผนนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาล้างขาดทุนสะสมที่มีอ 538 ล้านบาททั้งหมดในปีนี้
โดยในปีนี้บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้เต็มปีจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบโซล่าร์ฟาร์มจำนวน 10 โครงการ กำลังการผลิตรวม 80 เมกะวัตต์ รวมถึงการรับรู้รายได้จากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาอาคารพาณิชย์ (Commercial Rooftop) ที่คาดว่าจะเริ่มจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงกลางปีนี้ด้วย รวมถึงมีโครงการใหม่ที่เตรียมพัฒนา และเข้าซื้อซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ทันทีอีกด้วย
ส่วนปีนี้รายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตเมื่อเทียบกับผลประกอบการที่ไม่รวมกับการบันทึกรายได้พิเศษจากการประเมินราคาที่ดินใหม่เพิ่มขึ้น 450 ล้านบาท หลังปตท.เข้ามาถือหุ้นในโครงการโซล่าร์ฟาร์ม และรายได้ค่าปรับจากการสร้างโครงการล่าช้าอีก 60 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุน 2 ปี (ปี 58-59) ราว 1 หมื่นล้านบาท เพื่อเข้าซื้อและพัฒนาโครงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โดยคาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตของบริษัทได้ราว 100-150 เมกะวัตต์ในสิ้นปี 59 จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ รวม 25 โครงการ รวม 98.5 เมกะวัตต์
สำหรับแหล่งเงินทุนจะมาจากการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่เหลืออยู่ 1.2 พันล้านบาท ในขณะเดียวกันบริษัทยังมีศักยภาพในการกู้เพิ่มเติม จากปัจจุบันมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ระดับ 0.97 เท่า จากระดับสูงสุดไม่เกิน 3 เท่า พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นเพื่อเตรียมวงเงินออกหุ้นกู้ไว้ 3,000 ล้านบาท อายุ 1 ปี คาดว่าจะสามารถออกและเสนอขายได้ในช่วงไตรมาส 4/58
โครงการที่บริษัทเตรียมเข้าไปพัฒนา ได้แก่ โครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร(โซลาร์ฟาร์มส่วนราชการ) ที่ภาครัฐจะเปิดรับซื้อ 800 เมกะวัตต์ โดยบริษัทคาดหวังจะเข้าไปพัฒนาราว 50 เมกะวัตต์ และบริษัทยังจะเข้าไปเจรจาเพื่อซื้อใบอนุญาตจากผู้ประกอบการที่ถือใบอนุญาตผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ยังค้างท่ออยู่ 1,000 เมกะวัตต์ด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจเบื้องต้น (MOU) กับพันธมิตรในประเทศญี่ปุ่นที่จะร่วมกันพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ โดยบริษัทจะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 75% รวมถึงมีแผนจะล้างขาดทุนสะสมทั้งหมด 538 ล้านบาท โดยจะใช้ส่วนเกินมูลค่าหุ้นที่เหลืออีก 1,266 ล้านบาท หลังจากการทำ IPO มาล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ดังกล่าว
ส่วนความคืบหน้าการศึกษาเพื่อที่จะเข้าไปลงทุนซื้อหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนั้น บริษัทได้เข้าไปศึกษาและประเมินมูลค่ากิจการแล้ว แต่ก็ได้หยุดความสนใจที่จะเข้าซื้อไปก่อน เนื่องจากมองว่ามีความเสี่ยงในหลายๆด้านหากเข้าไปซื้อกิจการในขณะนี้ เพราะหลายๆอย่างยังไม่มีความชัดเจน แต่หากทุกอย่างมีความชัดเจน โดยเฉพาะในส่วนของผู้ถือหุ้น และยังมีความหน้าสนใจในการเข้าลงทุน บริษัทก็พร้อมที่จะซื้อในราคาที่แพงกว่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่มีในปัจจุบัน
อนึ่ง WEH อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น หลังนายนพพร ศุภพิพัฒน์ ซึ่งถือหุ้นใหญ่ใน WEH สัดส่วน 45% นั้นมีปัญหาเรื่องคดีความ และต้องการที่จะขายหุ้นออกทั้งหมด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการยื่นเสนอราคาของผู้สนใจซื้อ ซึ่งก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่าจะยุติได้ใน 2 เดือนข้างหน้า