สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวันศุกร์
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 17 ก.ค.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก เมื่อวันศุกร์ (14 ก.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เนื่องจากข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกที่ซบเซาของสหรัฐได้ช่วยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคารได้สกัดแรงบวกในตลาด แม้ว่าธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส และซิตี้กรุ๊ป ได้เปิดเผยผลประกอบการที่สดใสก็ตาม
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,637.74 จุด เพิ่มขึ้น 84.65 จุด หรือ +0.39% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,459.27 จุด เพิ่มขึ้น 11.44 จุด หรือ +0.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,312.47 จุด เพิ่มขึ้น 38.03 จุด หรือ +0.61%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลดลง เมื่อวันศุกร์ (14 ก.ค.) จากแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มการก่อสร้าง นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังถูกกดดันจากเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นด้วย
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 35.05 จุด หรือ -0.47% ปิดที่ 7,378.39 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลดลง เป็นส่วนใหญ่เมื่อวันศุกร์ (14 ก.ค.) หลังหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ภายหลังธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการที่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปในภาพรวมปรับตัวดีขึ้นในรอบสัปดาห์
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,631.72 จุด ลดลง 9.61 จุด หรือ -0.08% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,235.31 จุด ลดลง 0.09 จุด หรือ -0.00% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,378.39 จุด ลดลง 35.05 จุด หรือ -0.47%
อย่างไรก็ดี ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.70 จุด หรือ 0.18% ปิดที่ 386.84 จุด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่ง เมื่อวันศุกร์ (14 ก.ค.) หลังจากทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อและยอดค้าปลีกที่ซบเซา ซึ่งช่วยหนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 10.2 ดอลลาร์ หรือ 0.84% ปิดที่ระดับ 1,227.5 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. ส่วนตลอดทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.5%
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 24.2 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 15.933 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 16.40 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 923.5 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 2 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 856.75 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้น 1% เมื่อคืนนี้ (14 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับรายงานของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ที่ได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันยังดีดตัวขึ้นหลังจากบริษัทเชลล์ได้ประกาศภาวะสุดวิสัยสำหรับการส่งออกน้ำมันดิบบอนนี ไลท์ของไนจีเรีย เนื่องจากมีการปิดท่อส่งน้ำมัน 1 ใน 2 ท่อในประเทศ
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 46 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 46.54 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 48.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักอื่นๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (14 ก.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และยอดค้าปลีกประจำเดือนมิ.ย.
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1466 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1400 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3089 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2939 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.7824 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7731 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 112.55 เยน จากระดับ 113.21 เยน อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9639 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9671 ฟรังก์สวิส และปรับตัวลดลงแตะ 1.2646 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2727 ดอลลาร์แคนาดา