ฟิทช์ คงอันดับเครดิต AEONTS ที่ระดับ ‘BBB+(tha)’ แนวโน้มเป็นบวก
ฟิทช์ คงอันดับเครดิต AEONTS ที่ระดับ 'BBB+(tha)' แนวโน้มเป็นบวก
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ของบริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (AEONTS) ที่ ‘BBB+(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวก และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-Term Rating) ที่ ‘F2(tha)’
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต อันดับเครดิตพิจารณาจากความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทเอง AEONTS ได้มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในด้านสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคและได้พัฒนาเครือข่ายทางธุรกิจที่ค่อนข้างแข็งแกร่งในประเทศไทย บริษัทได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างมีกำไรตลอดวัฏจักรทางธุรกิจและยังได้ผ่านช่วงที่เศรษฐกิจมีความผันผวนมากมาแล้วในช่วงหลายปีก่อน อย่างไรก็ตามด้วยสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ยังคงมีความเปราะบาง และระดับหนี้สินภาคครัวเรือนที่สูง ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ภาคธุรกิจการเงินของไทยอาจจะต้องเผชิญความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะความเสี่ยงจากกลุ่มลูกหนี้ที่มีรายได้ต่ำหากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวแย่ลงมากกว่าคาดการณ์
AEONTS เป็นสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากไม่สามารถรับเงินฝากได้ จึงต้องพึงพาการระดมทุนผ่านตลาดทุนและจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับการขยายสินเชื่อของบริษัท แต่อย่างไรก็ตามบริษัทสามารถบริหารจัดการความเสี่ยงในการรีไฟแนนซ์เงินกู้ยืมได้ดีเนื่องจากบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารพาณิชย์ไทยและต่างประเทศและสามารถที่จะระดมทุนจากตลาดทุนได้อย่างต่อเนื่องทั้งในรูปแบบของหุ้นกู้และการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวกสะท้อนถึงระดับเงินทุนของบริษัทที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2555 และผลการดำเนินงานที่อยู่ในระดับที่ยอมรับได้แม้ภาวะเศรษฐกิจจะชะลอลงตัวในปี 2557 บริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิต หากอัตราส่วนที่สำคัญในด้านระดับหนี้สิน (leverage ratio) ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องและอยู่ในระดับดีกว่าอัตราส่วนในอดีตซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีความสามารถที่จะรับมือกับความเสี่ยงได้มากขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจอ่อนแอ
ปัจจัยที่แสดงให้เห็นว่าบริษัทเพิ่มระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) ในขณะที่อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของบริษัทปรับตัวแย่ลงอาทิเช่นอัตราส่วนคุณภาพสินทรัพย์ สภาพคล่องและระดับหนี้สิน ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นบวกถูกปรับกลับมาเป็นมีเสถียรภาพหรือเป็นลบได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในด้านกฎระเบียบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอาทิเช่นการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวไม่น่าเกิดขึ้นในระยะสั้น