IRPC บวกสวนตลาด เก็งกำไร Q1/58 แตะ 3.6 พันลบ. โบรกฯ ชูเป้า 5.20 บ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ณ เวลา 10.27น. ราคาอยู่ที่ 4.60 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 1.32% สูงสุดที่ 4.60 บาท ต่ำสุดที่ 4.52 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 128.59 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.34%

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ (29 เม.ย.) คาดว่า IRPC จะมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/58 จำนวน 3.6 พันลบ. ดีขึ้นมากจากขาดทุน -5.8 พันลบ.ในไตรมาส 4/57 สาเหตุหลักเนื่องจากธุรกิจโรงกลั่น มีปริมาณกลั่นอยู่ที่ 180 พันบาร์เรล/วัน (84%ของกำลังกลั่น 215 พันบาร์เรล/วัน) อีกทั้งกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มตามราคาตลาด (Market GIM) ของธุรกิจโรงกลั่น น้ำมันหล่อลื่น ปิโตรเคมีและไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อน เป็น $13/บาร์เรล

สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/58 คาดผลประกอบการไตรมาส 2/58 อ่อนตัว จากไตรมาสก่อนตาม GRM ที่ลดลงจากราคาน้ำมันที่เริ่มปรับขึ้น ทำให้ผลบวกจาก fuel loss และ crude premium ลดลง แต่คาดว่าไม่มีผลขาดทุนสต็อกในไตรมาสนี้ อีกทั้งปริมาณน้ำมันกลั่นสูงขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นที่หยุดซ่อมในเดือน มี.ค.เริ่มกลับมาผลิตในเดือน เม.ย. ขณะที่คาด spreadและกำไรของธุรกิจปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน แต่ไม่สามารถชดชยกำไรที่ลดลงของโรงกลั่นได้ รวมทั้งกำไรครึ่งหลังปี 58 มีแนวโน้มลดลง ตาม GRM ที่ต่ำลง เพราะถูกกดดันจากกำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 4/57-1/58 ซึ่งจะส่งผลกระทบเต็มที่ในครึ่งหลังปี 58

โดยได้ปรับประมาณการกำไรปี 58 เพิ่มขึ้น 33% เป็น 10,314 ลบ. EPS=0.50 บาท จากกำไรพิเศษจากการกลับรายการค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจากบริษัท TPI Aromatics ประมาณ 2,552 ลบ. อีกทั้งค่าชดเชยประกันภัยจากเหตุเพลิงไหม้หน่วย VGO-HT ส่วนที่เหลือ 1,400 ลบ. ,กำไร FX 165 ล้านบาท และรับรู้รายได้ 2-3 เดือนจากโครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ (UHV) ซึ่งจะเปลี่ยนน้ำมันเตาที่มีมูลค่าต่ำเป็นโพรพิลีนที่มีมูลค่าสูง เพิ่มขึ้นอีก 3.2 แสนตัน/ปี และยังทำให้สามารถกลั่นน้ำมันดิบได้เต็มกำลังผลิตได้อีกด้วย คาดจะเริ่มผลิตในเดือน ต.ค.58 และปี 59 รับรู้รายได้เต็มปี (บริษัทคาดหวังว่าโครงการนี้จะช่วยหนุนให้ GRM เพิ่มขึ้น $2-4/บาร์เรล เมื่อผลิตเต็มที่)

ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ” และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่เป็น 5.20 บ. (จากเดิม 3.80 บ.) อิงจาก Prospective P/E ที่ 10x โดยราคาหุ้นในระยะสั้นอาจปรับขึ้นได้จำกัด เนื่องจากผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าจะอ่อนตัวจากไตรมาส 1/58 ที่มีกำไรสูงที่สุดของปีแล้ว