JMT บวกกว่า 7% ทำนิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดฯ โบรกฯชี้กำไรQ2โตเด่น

JMT บวกกว่า 7% ทำนิวไฮตั้งแต่เข้าตลาดฯ โบรกฯชี้กำไรQ2โตเด่น ล่าสุด ณ เวลา 16.01 น. อยู่ที่ระดับ 30.50 บาท บวก 2 บาท หรือ 7.02% สูงสุด 30.75 บาท ต่ำสุด 28.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 53.33 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ล่าสุด ณ เวลา 16.01 น. อยู่ที่ระดับ 30.50 บาท บวก 2 บาท หรือ 7.02% สูงสุด 30.75 บาท ต่ำสุด 28.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 53.33 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมลบ 0.01% โดยราคาหุ้น JMT ปรับตัวขึ้นทำนิวไฮตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2555

ด้าน บล.ทรีนิตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ (12 ก.ค.) แนะนำ “ซื้อ” JMT ให้ราคาเป้าหมาย 33 บาท คาดกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2/60 ที่ 89 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง 21% จากไตรมาสก่อน และ 152% จากปีก่อน โดยมีประเด็นสำคัญคือ คาดรายได้จากการให้บริการติดตามหนี้สินในไตรมาสนี้เติบโตได้เล็กน้อยราว 3% จากไตรมาสก่อน โดยเป็นผลจากยอดมูลหนี้ที่ให้บริการติดตามหนี้สินเพิ่มขึ้น ทั้งจากยอดมูลหนี้ในกลุ่มสถาบันการเงินที่สถานการณ์คุณภาพหนี้ยังไม่ดีขึ้น และจากการรับติดตามหนี้ในกลุ่มบริษัทในเครือ ขณะที่ในไตรมาสนี้อยู่ในช่วงวันหยุดยาวและเปิดเทอม ซึ่งเป็นผลลบทางด้านฤดูกาล แต่เชื่อว่าบริษัทจะยังสามารถรักษา Success Rate ให้อยู่ในระดับสูงได้

ขณะที่คาดรายได้จากการเรียกเก็บหนี้จากลูกหนี้ที่รับซื้อเพิ่มขึ้นมากถึง 19% จากไตรมาสก่อน หลังหนี้ก้อนใหญ่ที่ซื้อจาก AEONTS เข้ามาในช่วงปลายปีก่อนนั้นคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ได้ ขณะที่หนี้ก้อนใหญ่จาก Standard Chartered ที่ในช่วงไตรมาส 1 อยู่ระหว่างการโอนสิทธิเจ้าหนี้ แต่มียอดชำระคืน จะรวบยอดมารับรู้รายได้ในไตรมาสนี้ และคาดต้นทุนการให้บริการปรับตัวขึ้น 11% จากไตรมาสก่อน โดยเป็นการเพิ่มขึ้นตามรายได้ แต่อย่างไรก็ตามอัตราการเพิ่มขึ้นยังไม่เท่ากับรายได้ ทำให้คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 3 คาดว่ารายได้จากการเรียกเก็บหนี้จากลูกหนี้ที่รับซื้ออาจลดลงจากไตรมาสก่อนบ้าง เนื่องจากรายได้ในไตรมาส 2 นี้เป็นการรวบยอดของรายได้จากหนี้ Standard Chartered ในไตรมาส 1 เข้ามาด้วย อย่างไรก็ตามหนี้ Standard Chartered เป็นหนี้ใหม่ที่มียอดชำระดี สามารถสร้างรายได้เร็วกว่าที่คาดไว้ว่าจะเริ่มสร้างรายได้ในไตรมาส 3 จึงปรับประมาณการกำไรปี 60-61 ขึ้นราว 3% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 333 ล้านบาท และ 396 ล้านบาท ตามลำดับเพื่อสะท้อนปัจจัยดังกล่าว

Back to top button