CHG ส่งซิก Q2 โตเด่นรับฤดูฝนมาเร็ว โบรกฯเชียร์“ซื้อ”ให้เป้า 3.10 บาท
CHG ส่งซิกงบQ2 โตเด่นรับฤดูฝนมาเร็วกว่าปกติ ขณะที่ประกันสังคมปรับขึ้นค่าบริการฯ หนุนงบครึ่งปีหลังพุ่ง ย้ำเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้น15% โบรกฯคาด Q2 โชว์กำไรสุทธิ 159 ล้านบาท เติบโต 37% เชียร์ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.10 บาท
นายแพทย์พลสันต์ พลัสสินทร์ นักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส2/60 คาดจะเติบโต จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นหลังจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย และในช่วงเดือน พ.ค. 2560 ที่ฤดูฝนมาไวกว่าปกติ ทำให้เกิดโรคระบาด
ทั้งนี้คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล ประกอบกับสำนักงานประกันสังคม (สปส.) มีการปรับขึ้นค่าบริการแพทย์เหมาจ่าย ทำให้รายได้ของประกันสังคมเติบโตอยู่ที่ 9-15% จากเดิมที่คาดรายได้ของประกันสังคมจะเติบโตอยู่ที่ 6-10% โดยในปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าประกันสังคมอยู่ที่ 45% และมีสัดส่วนรายได้จากลูกค้าเงินสดอยู่ที่ 55%
อีกทั้งบริษัทยังคงเป้ารายได้ปี 2560 เติบโต 15% จากปี 2559 มีรายได้อยู่ที่ 3,657 ล้านบาท เนื่องจากมีการขยายโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 อินเตอร์, โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 แอร์พอร์ต และโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 บางปะกง รวมถึงการควบรวมโรงพยาบาลรวมแพทย์ระยอง โดยในปัจจุบันโรงพยาบาลในเครือของบริษัทมีเตียงทั้งหมดอยู่ที่ 582 เตียง
ขณะที่บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการควบรวมกิจการ และการร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมการเติบโตในอนาคต ซึ่งยังคงมองโรงพยาบาลในภูมิภาคตะวันออกเป็นหลัก และในขณะนี้บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ระดับ 0.30 เท่า ซึ่งถือว่ายังต่ำกว่านโยบายที่มีการควบคุม D/E ไม่เกิน 0.60 เท่า ทำให้ยังมีความสามารถในการกู้จากสถาบันการเงินได้อีก
นอกจากนี้ยังมีแผนจะขยายโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2560 ได้มีการขยายโรงพยาบาลจุฬารัตน์ ชลเวช อีกทั้งในปี 2561 จะขยายคลินิกเวชกรรมจุฬารัตน์ 304 และในปี 2562 บริษัทยังวางแผนขยายโรงพยาบาลจุฬารัตน์ รวมแพทย์ฉะเชิงเทรา ซึ่งคาดจะใช้งบลงทุนแต่ละแห่งประมาณ 500-600 ล้านบาท
“ในเรื่องนโยบายการขยายวีซ่าของทางภาครัฐ จะให้ผลบวกกับศูนย์ตรวจสุขภาพ ซึ่งเรายังมองว่าจะส่งผลบวกให้ไม่มาก จากการที่ผู้ป่วยชาวต่างชาติไม่ได้มารักษาตัวนาน แต่นโยบายที่เราจะได้รับผลบวกมาก คือ โครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) เพราะมีการจ้างงานเพิ่ม ทำให้มีจำนวนคนสูงขึ้นตาม” นายแพทย์พลสันต์ กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในขณะนี้ได้ให้คำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น CHG กำหนดราคาเป้าหมาย 3.10 บาท เนื่องจากคาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 664 ล้านบาท เติบโต 17.70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 564 ล้านบาท ประกอบกับในปัจจุบันราคาหุ้นยังไม่สะท้อนผลการดำเนินงานที่เริ่มฟื้นตัว
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/60 คาดจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 159 ล้านบาท เติบโต 37% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 116 ล้านบาท เนื่องจากคาดรายได้จากกิจการโรงพยาบาลจะอยู่ที่ 968 ล้านบาท เติบโต 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากฤดูฝนที่มาไวกว่าปกติ จากช่วงกันของปีก่อน ประกอบกับมีการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ และไข้เลือดออก ทำให้มีจำนวนผู้เข้าใช้บริการสูงขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าเงินสดที่จะกลับมาเติบโตทั้งผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอก ขณะที่ลูกค้าประกันสังคมคาดจะเข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 410,000 ราย