3 ไทม์ไลน์สำคัญทางการเมือง! มีผลต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย
ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้จะเป็นช่วงที่มีเหตุการณ์ที่สำคัญกั …
ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้จะเป็นช่วงที่มีเหตุการณ์ที่สำคัญกับการเมืองในประเทศไทยอยู่หลายเหตุการณ์ด้วยกัน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนี้จะเป็นตัวบ่งชี้ความมั่นคงทางการเมืองในช่วงถัดไปได้ และอาจจะมีผลกระทบต่อการเข้าลงทุนของตลาดหุ้นไทย เริ่มที่คดีจำนำข้าว ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตกเป็นจำเลยฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว
โดยในวันนี้ (1 ส.ค.60) เวลา 09.30 น. ศาลกำหนดนัดแถลงปิดคดีในส่วนของเนื้อหาที่จะแถลงปิดคดีด้วยวาจาต่อศาล ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นผู้จัดทำถ้อยคำแถลงปิดคดีด้วยวาจาด้วยตนเอง และจะมีการอนุญาตให้คู่ความทั้ง 2 ฝ่ายยื่นคำแถลงการณ์ปิดคดีเป็นลายลักษณ์อักษรภายในวันที่ 15 ส.ค. 2560 หากไม่ยื่นภายในกำหนดถือว่าไม่ติดใจยื่นแถลงปิดคดี
ขณะที่ในวันที่ 25 ส.ค.60 เวลา 09.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าว ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตกเป็นจำเลย ซึ่งตรงกับวันตัดสินคดีของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และนายภูมิ สาระผล ในคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจี
สำหรับข้อกล่าวหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 นั้นระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 นั้นระวางโทษจำคุกเช่นเดียวกัน แต่ระวางโทษปรับที่สูงกว่า คือ 20,000 – 200,000 บาท
โดยการระวางโทษปรับดังกล่าว เป็นคนละส่วนกันกับมูลค่าความเสียหายทางแพ่ง ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งได้สรุปตัวเลขที่เกิดขึ้นคิดเป็น 20% ของความเสียหายทั้งหมดของโครงการ หรือคิดเป็นมูลค่า 3.57 หมื่นล้านบาท โดยกระทรวงการคลัง ออกคำสั่งการบังคับคดีที่เป็นคำสั่งทางปกครองต่างหาก
อนึ่งคดีจำนำข้าวเป็นคดีหมายเลขดำที่ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157และความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ในวันที่ 2 ส.ค.60 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะตัดสินคดีเจ้าหน้าที่สลายการชุมนุมม็อบพันธมิตรที่หน้ารัฐสภา เมื่อ 7 ต.ค.51
โดยเหตุการณ์ดังกล่าวสืบเนื่องจากวิกฤตการเมืองเมื่อกลุ่มพันธมิตรออกมาชุมนุมยืดเยื้อยาวนาน ก่อนที่ขยับมาปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เข้าไปแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จนนำมาสู่การใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมเช้าตรู่วันที่ 7 ต.ค.51 จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 471 ราย
ทั้งนี้ในปี 2552 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลต่อนายสมชาย ,พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ,พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ตามความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ตามสำนวนฟ้องของ ป.ป.ช. ระบุว่า เมื่อวันที่ 6-7 ต.ค. 2551 จำเลยทั้ง 4 ดำรงตำแหน่ง ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อเปิดทางให้ สส.ได้เข้าประชุมสภาในวันที่ 7 ต.ค.51 ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการสลายการชุมนุม โดยยิงและขว้างแก๊สน้ำตาที่บรรจุด้วยวัตถุระเบิดแรงสูงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม จำเลยทั้ง 4 เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบดูแลการชุมนุมของประชาชนที่เป็นการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย
อนึ่งประเด็นทางการเมืองที่กล่าวถึงข้างต้น นั้น อาจจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบัน โดยวานนี้ (31 ก.ค.60) นักลงทุนต่างประเทศมียอดขายสุทธิ 7.20 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันนักลงทุนสถาบันในประเทศ มียอดขายสุทธิ 3.50 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อ 2.35 พันล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ 8.33 พันล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์หลายเสียงมองว่า ภายในเดือนนี้จะมีการตัดสินคดีทางการเมืองหลายคดี และต้องติดตามบทสรุปของคำตัดสินว่าจะทำให้กระแสการเมืองในบ้านเรากับมาร้อนแรงอีกครั้งหรือไม่ซึ่งจะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนรวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่จะไหลเข้าหรือออกจากตลาดหุ้นไทย
โดยคดีที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดคือการตัดสินคดีรับจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท และศาลนัดฟังพิพากษาคดีนี้ ในวันนี้ 25 ส.ค. 2560 เวลา 09.00 น. ซึ่งในวันเดียวกัน ศาลยังนัดพิพากษาคดีทุจริตระบายข้าวของนาย บุญทรง เตริยาภิรมณ์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ กับพวก 28 รายด้วย