AGE คาดกำไรปีนี้โตกว่าปีก่อน เดินหน้าบุกตลาดเวียดนาม-อินเดียเพิ่ม

AGE คาดกำไรปีนี้โตกว่าปีก่อน หลังออร์เดอร์พุ่ง เดินหน้าบุกตลาดเวียดนาม-อินเดียเพิ่ม


นางสาวปณิตา ควรสถาพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าระดับ 153.66 ล้านบาทในปีก่อน ตามรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 25-30% จากระดับ 4.64 พันล้านบาทในปีที่แล้ว จากปริมาณขายถ่านหินที่น่าจะทำได้ใกล้เคียง 3 ล้านตัน เติบโต 25-30% จาก 2.36 ล้านตันในปีที่แล้ว ประกอบกับ ราคาถ่านหินในตลาดโลกปีนี้ปรับตัวขึ้นมาที่ราว 80-85 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปีก่อนอยู่ที่ราว 70 เหรียญสหรัฐ/ตัน

ล่าสุด บริษัทได้รับคำสั่งซื้อล็อตใหญ่จากลูกค้ากลุ่มปูนซีเมนต์ในประเทศ จำนวน 1.5 แสนตัน ซึ่งจะส่งมอบในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งซื้อในประเทศอีกส่วนหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา หลังจากที่บริษัทเอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH ประสบปัญหาในการทำธุรกิจ

“ปริมาณการขายปีนี้เป้าหมายยังคงเดิมเติบโต 25-30% ในแง่มูลค่าก็อาจจะมากกว่าระดับนั้น จากราคาที่สูงขึ้น กำไรปีนี้ก็หวังว่าน่าจะเพิ่มขึ้น น่าจะไปในแนวโน้มเดียวกับปีที่แล้ว”นางสาวปณิตา กล่าว

โดยปริมาณการขายที่เติบโตในปีนี้เป็นการขยายทั้งจากลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ โดยปริมาณขายส่วนใหญ่ยังอยู่ในประเทศสัดส่วน 70-75% ในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมและไฟฟ้า ส่วนอีก 20-25% เป็นการขายในตลาดต่างประเทศ ส่วนใหญ่เป็นตลาดในจีนเกือบ 90% เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินยังคงเติบโตมาก และมีการนำเข้าสูงระดับ 200-300 ล้านตัน/ปี ขณะที่ความคืบหน้าการตั้งบริษัทร่วมทุนในจีนเพื่อจำหน่ายถ่านหินนั้น คาดว่าจะจัดตั้งแล้วเสร็จในไตรมาส 4/60

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน บริษัทยังอยู่ระหว่างรุกตลาดในเวียดนามและอินเดียเพิ่มเติมอีกด้วย เนื่องจากแนวโน้มการใช้ถ่านหินในเวียดนามยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมากตามโรงไฟฟ้าถ่านหินที่จะเกิดขึ้น ซึ่งในปีนี้เวียดนามนำเข้าถ่านหินกว่า 10 ล้านตัน และน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 20 ล้านตันในปีหน้า

ทั้งนี้จึงนับว่าเป็นการขยายตัวที่มากกว่าตลาดในไทยที่มีการนำเข้าราว 20 ล้านตัน/ปีเท่านั้น และแนวโน้มการใช้ถ่านหินในไทยยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเนื่องจากยังไม่มีโรงไฟฟ้าถ่านหินเกิดใหม่เพิ่มเติม อีกทั้งการขยายตัวของอุตสาหกรรมในประเทศก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก

นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะเข้าไปตั้งบริษัทเพื่อจำหน่ายถ่านหินในเวียดนาม โดยเป็นการลงทุนของบริษัทเองทั้งหมด 100% ซึ่งจะตั้งบริษัทแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4/60 โดยใช้เงินลงทุนไม่มากเพราะเป็นการเช่าพื้นที่คลังสินค้า แต่จะใช้เงินลงทุนส่วนใหญ่เป็นเงินทุนหมุนเวียนเป็นหลัก

Back to top button