MACO ตั้งเป้ารายได้-กำไรโตเท่าตัวใน 3 ปี เดินหน้ารุกตลาดตปท.เพิ่ม

MACO ตั้งเป้ารายได้-กำไรโตเท่าตัวใน 3 ปี เน้นรุกสื่อดิจิตอลกลางแจ้ง หวังดันส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 35%-ลุยขยายตลาดต่างประเทศเพิ่ม


นางศุภรานันท์ ตันวิรัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้และอัตรากำไรในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะเติบโตก้าวกระโดดเท่าตัว

โดยจะเน้นกลยุทธ์รุกสื่อดิจิตอลกลางแจ้ง ซึ่งจะผลักดันส่วนแบ่งการตลาดให้เพิ่มขึ้นเป็น 35% ในปี 61 จากปีนี้อยู่ในระดับ 30% พร้อมลุยขยายตลาดต่างประเทศและซื้อกิจการใหม่เพิ่มเติม ขณะที่มองว่าช่วงครึ่งหลังของปีนี้ภาพรวมธุรกิจสื่อในประเทศคงยังไม่เติบโตมากนัก เนื่องจากมีปัจจัยกดดันจากสถานการณ์น้ำท่วมและช่วงพระราชพิธีสำคัญในเดือน ต.ค.นี้

ทั้งนี้บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 62 จะอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้อยู่ที่ 900 ล้านบาท เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อน โดยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้คาดว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรกที่มีรายได้ 389 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 88 ล้านบาท ได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้จากธุรกิจโฆษณาที่ซื้อกิจการมา 2 ราย คือ Muti Sign และ CO-MASS ที่จะเห็นการรับรู้รายได้ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3/60 เป็นต้นไป

ขณะเดียวกันบริษัทยังตั้งเป้าเพิ่มอัตรากำไรสุทธิเป็น 30% ในปี 61 จากปี 59 อยู่ที่ 13.49% และเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นเป็นมากกว่า 60% ในปี 61 จากปี 59 อยู่ที่ 55.07% จากการควบคุมและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งการปรับปรุงพื้นที่โฆษณาเดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาเพิ่มขึ้นเพื่อให้มีตัวเลือกที่หลากหลายกับลูกค้า และให้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) สูงขึ้น

นอกจากนี้บริษัทยังได้เล็งเห็นถึงโอกาสการรุกขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยจะเน้นในกลุ่มประเทศ CLMV ที่มองว่าเศรษฐกิจขยายตัวในระดับสูง โดยเบื้องต้นจะเน้นประเทศมาเลเซียที่จะเข้าไปขยายฐานอย่างจริงจัง หลังจากเข้าไปร่วมทุนกับพันธมิตรในมาเลเซีย คือ บริษัท อายส์ บอล แชแนล จำกัด โดยถือหุ้น 40% ทำธุรกิจสื่อโฆษณาในท่าอากาศยานนานาชาติกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

โดยบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าซื้อกิจการธุรกิจโฆษณาในมาเลเซียที่ปัจจุบันเป็นพันธมิตรในการทำสื่อโฆษณาบนรถไฟฟ้าของมาเลเซียร่วมกับ บมจ. วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย (VGI) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เนื่องจากบริษัทต้องการขยายตลาดสื่อโฆษณาไปยังรถไฟฟ้าในมาเลเซีย

เรามองเห็นถึงโอกาสของประเทศมาเลเซียที่จะเติบโตได้อย่างมากในอนาคต แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาเศรษฐกิจมาเลเซียจะติดลบ แต่ปัจจุบันเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น และยังมีโอกาสในการรุกสื่อโฆษณาอีกมาก ซึ่งเราก็มองที่จะผลักดันให้มาเลเซียเป็น rising star ของเรา”นางศุภรานันท์ กล่าว

ทั้งนี้บริษัทตั้งงบลงทุนปกติไม่รวมงบซื้อกิจการในช่วง 3 ปีจากนี้เฉลี่ยราว 300-400 ล้านบาท/ปี เพื่อขยายพื้นที่สื่อโฆษณาให้ครอบคลุมมากขึ้น และปรับปรุงพื้นที่สื่อโฆษณาเดิมให้เป็นแบบ LED โดยบริษัทตั้งเป้ามีสื่อโฆษณานอกบ้านแบบ LED เพิ่มเป็น 100 จอภายในปี 62 จากปัจจุบันมี 21 จอ ซึ่งขั้นแรกจะเพิ่มเป็น 51 จอภายในปี 61 ส่วนพื้นที่สื่อโฆษณานอกบ้านแบบเดิมมีพื้นที่ทั้งหมด 140,000 ตารางเมตร มีอัตราการใช้ในปัจจุบันที่ 70%

สำหรับงบลงทุนสำหรับการซื้อกิจการนั้น บริษัทมีความพร้อมทั้งกระแสเงินสด เงินกู้สถาบันการเงิน และเงินที่ได้จากการใช้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิฯ ที่ครบกำหนดแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในวันที่ 2 พ.ย.60 หากมีผู้ใช้สิทธิครบทั้งหมดก็คาดว่าจะมีเงินเข้ามาราว 1.5 พันล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการลงทุนในอนาคต

อย่างไรก็ตาม การซื้อกิจการของบริษัทจะต้องเป็นการสอดคล้องกับภาวะในแต่ละช่วงว่าเป็นอย่างไร โดยหลังจากนี้การซื้อกิจการเข้ามาเสริมบริษัทจะไม่เร่งรีบมากนัก เพราะหลังจากซื้อกิจการ Multi Sign และ CO-MASS เข้ามา ทำให้บริษัทสามารถมีพื้นที่สื่อโฆษณาภายนอกที่ครอบคลุมทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัดแล้ว

Back to top button