เปิดประมูลหุ้น IFEC รอบสองราคาลดฮวบ จับตา “เม้ง” เผชิญหนี้ท่วมหัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีบริษัทหลักทรัพย์ 3 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด มีความประสงค์ที่จะนำหุ้น บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ของนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ขายทอดตลาด ในวันที่ 31 ก.ค.60 โดยกำหนดราคาตั้งต้นที่ 3.10 บาท

ทั้งนี้ปรากฏว่า ในวันดังกล่าวไม่มีผู้เข้ามาลงทะเบียนเข้าร่วมประมูลราคา จึงทำให้ทั้ง 3 โบรกฯ ต้องประกาศยุติการขายทอดตลาดหุ้น IFEC

ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์ทั้ง 3 บริษัทเตรียมนำหุ้น IFEC ของนายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ขายทอดตลาดอีกครั้ง โดยกำหนดราคาขายตั้งต้นที่ 2.50 บาท ในวันที่ 10 ส.ค.60 เริ่มขายทอดตลาดในเวลา 10.00 น. จนกว่าจะเสร็จสิ้นแต่ไม่เกิน 12.00 น. ณ ห้องสโรชา ชั้น 3 โรงแรมอโนมากรุงเทพ เลขที่ 99 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร

โดยรายการหลักทรัพย์ที่จะทำการขายทอดตลาดมีดังนี้ 1. หุ้นสามัญบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC จำนวน 3,900,000 หุ้น ราคาขายขั้นต้น 2.50 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 9.75 ล้านบาท โดยหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นหลักประกันของบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด

2.หุ้นสามัญบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC จำนวน 22,775,000 หุ้น ราคาขายขั้นต้น 2.50 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 56.94 ล้านบาท โดยหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นหลักประกันของบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

3.หุ้นสามัญบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC จำนวน 30,786,666 หุ้น ราคาขายขั้นต้น 2.50 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 76.97 ล้านบาท โดยหลักทรัพย์ดังกล่าวหลักประกันของบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด โดยหลักทรัพย์ดังกล่าวจำนำและเป็นหลักประกันของบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด

สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าสู้ราคาต้องแสดงความจำนงเข้าสูงราคา โดยการลงทะเบียนเพื่อเข้าสู้ราคาตั้งแต่เวลา 9.00 น.เป็นต้นไป พร้อมยื่นหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ รวมทั้งต้องวางหลักประกันเป็นแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายชื่อบริษัทหลักทรัพย์ที่ท่านประสงค์เข้าสู้ราคา

โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 1.5 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) จำนวน 6 ล้านบาท และบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด จำนวน 8 ล้านบาท ผู้ที่ซื้อไม่ได้บริษัทจะคืนหลักประกันให้ทันทีหลังการขาย

ทั้งนี้การเสนอราคาเริ่มต้นที่ราคา 2.50 บาทต่อหุ้น ประมูลเพิ่มครั้งละ 0.02 บาทต่อหุ้น สำหรับการขายหลักทรัพย์จะแยกขายเป็นบริษัท โดยเริ่มต้นลำดับที่ 1 บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ลำดับที่ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และลำดับที่ 3 บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ต่อเนื่องกันไปจนเสร็จ โดยหุ้นของแต่ละบริษัทจะขายรวมกันเป็น 1 ครั้ง (Big Lot) ไม่แยกขาย

ทั้งนี้ในการขายทอดตลาด หากไม่มีผู้สู้ราคา ในราคา และ/หรือ ตามเวลาที่บริษัทกำหนด บริษัทมีสิทธิงดการขายในวันนั้น

สำหรับข้อกำหนดภายหลังการขาย ผู้ซื้อต้องทำสัญญาซื้อขายในวันที่ซื้อได้ โดยถือว่าหลักประกันตามเงื่อนไขการเข้าสู่ราคาเป็นส่วนหนึ่งของการชำระราคาและผู้ซื้อได้จะต้องชำระเงินส่วนที่เหลือภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันซื้อเป็นต้นไป

เมื่อผู้ซื้อชำระราคาให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ครบถ้วนแล้ว บริษัทจะดำเนินการโอนเปลี่ยนชื่อหลักทรัพย์ที่ขายทอดตลาดให้กับผู้ซื้อหลักทรัพย์ภายใน 5 วันทำการนับแต่วันได้รับชำระราคาครบถ้วน และผู้ซื้อทรัพย์ต้องเป็นผู้รับผิดชอบในค่าฤชาธรรมเนียม ภาษีอากร ตลอดจนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการโอนหลักทรัพย์ที่ขายทอดตลาดไปเป็นของผู้ซื้อทรัพย์ได้ หากบริษัทโอนหุ้นให้แก่ผู้ซื้อไม่ได้ บริษัทจะคืนเงินให้แก่ผู้ซื้อภายใน 3 วันทำการโดยไม่มีดอกเบี้ย

หากผู้ซื้อไม่ชำระราคาส่วนที่เหลือภายในเวลาที่กำหนด บริษัทจะไม่คืนเงินประกัน (รับเงินประกัน) ที่ผู้ซื้อ นั้น วางไว้และบริษัทมีสิทธินำหุ้นนั้นออกขายทอดตลาดใหม่ หากการขายทอดตลาดครั้งใหม่ ขายได้ราคาสูงสุดต่ำกว่าราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อเดิมเสนอซื้อไว้ในการขายทอดตลาดครั้งก่อน ผู้ซื้อเดิมต้องรับผิดชอบชำระราคาส่วนต่างที่ขาดจำนวนอยู่พร้อมดอกเบี้ยของจำนวนราคาส่วนต่างในอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันครบกำหนดชำระ

รายละเอียดการนำหุ้น IFEC ขายทอดตลาด ดังนี้

 

อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่า แม้จะมีผู้สนใจซื้อหลักทรัพย์ IFEC ในรอบที่ 2 วันที่ 10 ส.ค.นี้ทั้งหมด แต่นายวิชัยน่าจะยังไม่หมดภาระหนี้สินกับโบรกฯ ทั้ง 3 แห่ง เนื่องจากราคาตั้งต้นในการประมูลหุ้นครั้งนี้อาจมีมูลค่าต่ำกว่าราคาต้นทุนในการซื้อหลักทรัพย์ของนายวิชัย ซึ่งจะส่งผลให้เกิดส่วนต่างของราคาที่นายวิชัยต้องนำเงินมาชำระเพิ่มเติม