ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “ทีโอเอ เพ้นท์” จ่อเทรด SET ภายใน Q4/60
ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง "ทีโอเอ เพ้นท์" หรือ TOA ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร ผลิตภัณฑ์สี สารเคลือบผิวและผลิตภัณฑ์ประเภทอื่นสำหรับผู้ใช้งานประเภทลูกค้าทั่วไป จ่อเทรด SET ภายใน Q4/60 หวังระดมทุนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ-ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยมีบล.กสิกรไทย และบล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม เปิเผยว่า หลังจากบริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ล่าสุดสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อย
ทั้งนี้ หากสำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติแบบไฟลิ่งและแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกเป็นที่เรียบร้อย บริษัทฯ และที่ปรึกษาทางการเงินจะร่วมกันกำหนดวันที่เหมาะสมในการเสนอขายหุ้น IPO ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและสถานการณ์อื่น ๆ ในขณะนั้น และคาดว่าจะนำหุ้นของ บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ภายในไตรมาส 4 ปีนี้ โดย TOA จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ นำไปใช้พัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพภายในบริษัทฯ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
ปัจจุบัน TOA มีทุนจดทะเบียน 2,029 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2,029 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท โดยทุนที่ออกจำหน่ายและเรียกชำระแล้วมีจำนวน 1,775 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) และหุ้นสามัญเดิม จำนวนไม่เกิน 507.6 ล้านหุ้น ซึ่งแบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 254.0 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดยผู้ถือหุ้นเดิม (บริษัท ไวแบรนท์ โฮลดิ้ง ลิมิเต็ด) จำนวนไม่เกิน 253.6 ล้านหุ้น รวมคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25.02 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวว่า TOA มีศักยภาพการเติบโตที่ดีทั้งตลาดในประเทศและภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากมีตราสินค้าที่แข็งแกร่งเป็นที่จดจำและได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพสินค้าจากผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทั้งกลุ่มลูกค้าทั่วไป ช่าง ผู้รับเหมาและเจ้าของโครงการทั้งภาครัฐและเอกชน
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เข้มแข็ง จึงสามารถพัฒนาสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่และยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งมีช่องทางการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมทั่วประเทศไทย
นอกจากนี้ TOA ยังได้ขยายการลงทุนโรงงานผลิตในประเทศอินโดนีเซีย กัมพูชาและเมียนมาร์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคตตามการขยายตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน จึงมีโอกาสที่จะขยายฐานลูกค้าได้อีกมาก และส่งผลให้ TOA เป็นบริษัทฯ ที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TOA คาดว่ารายได้ปีนี้จะทรงตัวจากปี 59 ที่ทำได้ 1.62 หมื่นล้านบาท แต่อย่างไรก็ดีคาดว่าในปี 61 จะเติบโตราว 6% เนื่องจากบรรยกาศการลงทุนและการบริโภคโดยรวมจะกลับมาฟื้นตัว
“ผลประกอบการในปีนี้คงจะทำได้เพียงทรงตัว แต่ในปีหน้ากำลังซื้อรวมจะปรับตัวดีขึ้น ตามกำลังซื้อที่ค่อยๆปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบรรยากาศต่างๆ ที่จะกลับมาทำให้มีการใช้จ่ายมากขึ้นด้วย”นายจตุภัทร์ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมีโรงงานผลิตทั้งหมด 8 แห่ง ตั้งอยู่ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย 3 แห่ง เวียดนาม ลาว มาเลเซีย เมียนมา กัมพูชา ประเทศละ 1 แห่ง ซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 88 ล้านแกลลอนต่อปี (ไม่รวมโรงงานผลิตในกัมพูชาภายใต้ TOA Skim Coat (Cambodia) Co., Ltd. ที่อยู่ระหว่างขอรับใบอนุญาต) และอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในต่างประเทศอีก 3 แห่ง ได้แก่ อินโดนีเซีย
โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 2/61 มูลค่า 570 ล้านบาท, กัมพูชา ภายใต้ TOA Paint (Cambodia) Co., Ltd. ซึ่งคาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 4/61 มูลค่า 70 ล้านบาทและเมียนมา ที่มีแผนย้ายโรงงานจากเมืองย่างกุ้งไปอยู่ที่เขตเศรษฐกิจติละวา คาดว่าจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาส 3/61 มูลค่า 350 ล้านบาท และงบในการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอีก 210 ล้านบาท
ทั้งนี้ เมื่อรวมกำลังการผลิตของโรงงานผลิตทั้ง 3 แห่งเมื่อสร้างเสร็จ บริษัทฯ คาดว่ากำลังการผลิตในเขตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นประมาณ 15.1 ล้านแกลลอนต่อปี หรือประมาณ 17.1% ของกำลังการผลิตในปัจจุบัน (ไม่รวมโรงงานผลิตภายใต้ TOA Skim Coat (Cambodia) Co., Ltd.) ซึ่งจะส่งผลดีต่อศักยภาพการทำตลาดที่ดีขึ้นและสามารถเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดผลิตภัณฑ์สีและสารเคลือบผิวใน AEC