BJCHI แง้มผลงานครึ่งหลังแจ่ม ลุ้นผลประมูลงานใหม่ 2 หมื่นลบ.

BJCHI แง้มผลงานครึ่งปีหลังแจ่ม! รับแผนบริหารต้นทุน ลุ้นผลประมูลงานใหม่ 2 หมื่นล้านบาท คาดได้งานกว่า 7พันล้านบาท รู้ผลภายในปีนี้


นายวิทยา เชียงอุทัย ผู้จัดการฝ่ายงานนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท บีเจซี เฮฟวี่ อินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ BJCHI เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีหลังของปี 2560 จะเติบโตได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากบริษัทจะสามารถบริหารต้นทุนการบริหารงานโครงการ TUPI FPSO Modules ได้ดีขึ้น และจะทราบผลการประมูลงานโครงการใหม่ โดยหากบริษัทได้เซ็นสัญญารับงานใหม่ภายในช่วงไตรมาส 4/60 จะส่งผลให้ทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่อง

โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอทราบผลการประมูลงาน มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นงานที่บริษัทมีโอกาสได้มากที่สุด (High Potential Projects) จำนวน 7,000ล้านบาท ได้แก่ งานโครงการก่อสร้างโครงเหล็กให้กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ภายในประเทศและงานต่างประเทศ มูลค่ารวมประมาณ 3,000ล้านบาท แบ่งเป็นงานในประเทศไทย จำนวน 2โครงการ มูลค่า 2,000ล้านบาท และงานในประเทศแอฟริกา มูลค่า 1,000ล้านบาท

ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 3,500-4,000 ล้านบาท เป็นงานก่อสร้างเพิ่มเติมในโครงการ TUPI FPSO ที่ประเทศบราซิล ซึ่งจะรู้ผลในช่วงไตรมาส4/60

ขณะที่ล่าสุดบริษัทมีโอกาสจะเข้ารับงานก่อสร้างฐานเหล็กที่ใช้ในโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ประเทศออสเตรเลีย มูลค่าประมาณหลักสิบล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากบริษัทสามารถดำเนินงานโครงการดังกล่าวได้เป็นที่น่าพอใจของลูกค้าจะส่งผลให้บริษัทมีโอกาสรับงานอื่นๆ ได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขณะนี้ธุรกิจโซลาร์ ฟาร์มที่ประเทศออสเตรเลียกำลังมีแนวโน้มที่เติบโต

ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส1/60บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) จำนวน1,100ล้านบาท โดยเป็นงานโครงการ TUPI FPSO ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้รายได้จนหมดภายในงวดปี 2560 ดังนั้นจะทำให้บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานงวดปี 2560 จะชะลอตัวเมื่อเทียบกับงวดปี 2559 ที่มีรายได้จำนวน 5,324ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากงานที่อยู่ระหว่างรอการประมูลมีความล่าช้ากว่ากำหนด

สำหรับแนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมก่อสร้างปิโตรเคมี เริ่มมีทิศทางที่กลับมาเติบโดตได้อีกครั้งภายในช่วงที่เหลือของปี 2560 ต่อเนื่องไปอีกประมาณ2-3ปี เนื่องจากขณะนี้ระดับราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ซึ่งคาดว่าภายในปี 2560ราคาน้ำมันดิบจะเฉลี่ยอยู่ที่ 40-50เหรียญสหรัฐต่อบารร์เรล โดยส่งผลให้มีโครงการปิโตรเคมีเริ่มกลับมาก่อสร้างมากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการลดต้นทุนการผลิต และควบคุมให้มีประสิทธิภาพ โดยพยายามเน้นการขยายหางานใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงด้านการรับงาน

Back to top button