“หม่อมอุ๋ย” ยันไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด
"หม่อมอุ๋ย"ยันไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด แต่จะจับตาใน 5-6 เดือนจากนี้
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า จากที่ได้หารือร่วมกับนายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง, นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แล้ว ต่างเห็นว่าการที่อัตราเงินเฟ้อของไทยติดลบอยู่ในขณะนี้ยังไม่ใช่ภาวะเงินฝืด แต่การที่เงินเฟ้อติดลบเป็นเพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวลดลง ส่งผลกระทบต่อราคาโลหะมีค่าที่เป็นสินค้าส่งออกของไทยให้การส่งออกลดลง
ประกอบกับปัญหาเศรษฐกิจโลกทำให้เกิดการชะลอตัวในหลายประเทศ พร้อมกันนี้ยังมีปัจจัยเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทั้งข้าว ยางพารา และน้ำตาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เงินเฟ้อติดลบ แต่ยืนยันว่ายังไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืด อย่างไรก็ตามจะมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ส่วนที่ไทยจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดหรือไม่นั้นคงต้องรอติดตามในช่วง 5-6 เดือนจากนี้
ขณะนี้ยังมีปัจจัยที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทย คือ ด้านการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นมากจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 20% ซึ่งเป็นแรงหนุนต่อภาวะเศรษฐกิจไทย ซึ่งล่าสุดสภาพัฒน์ยืนยันว่าจีดีพีไตรมาส 1/58 จะสามารถเติบโตได้ราว 3%
ส่วนกรณีที่นายมิตซูฮิโร ฟูรูซาวา รองกรรมการผู้จัดการ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) เดินทางมาเข้าพบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร ระบุว่า เป็นการเข้าพบหลังจากเข้ามารับตำแหน่งใหม่ ซึ่งได้มีการหารือถึงภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ร่วมกัน โดยตนได้ชี้แจงถึงแผนการทำงานในระยะยาวของรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลจะมีระยะเวลาที่เหลืออีกประมาณ 1 ปี ประกอบด้วย
1.การปรับปรุงแนวทางการส่งเสริมการลงทุนของบีโอไอให้เหมาะสมกับนักลงทุน
2.การสนับสนุนให้มีการตั้งบริษัทข้ามชาติ พร้อมให้สิทธิพิเศษทางภาษี
3.การปรับปรุงโครงสร้างราคาน้ำมัน
4.การจัดเก็บภาษีตามฐานรายได้ที่เหมาะสม
5.เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งทาง IMF แสดงความเห็นด้วยกับแผนในระยะยาวที่รัฐบาลได้วางไว้