PLAT คงเป้ารายได้ปีนี้นิวไฮ 2 พันลบ. เล็งปรับขึ้นค่าเช่า-ร่นเวลาเช่าพื้นที่

PLAT คงเป้ารายได้ปีนี้นิวไฮ 2 พันลบ. เตรียมปรับขึ้นค่าเช่า-ปรับสัญญาเช่าพื้นที่เป็นสัญญาระยะสั้น 1-2 ปี เล็งเดินสายโรดโชว์สิงคโปร์-ฮ่องกงในช่วง 2H60


นายชาญชัย พันธุ์โสภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เดอะ แพลทินัม กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PLAT เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้และกำไรในปีนี้เติบใจรายได้รวมจะทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีนี้ โดยมีแตะระดับ 2 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.86 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 704.15 ล้านบาท

โดยบริษัทยังมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ธุรกิจหลักทั้ง 3 ธุรกิจ ของบริษัทจะยังสามารถเติบโตต่อเนื่องได้จากครึ่งปีแรก โดยธุรกิจศูนย์ค้าส่งเสื้อผ้าแฟชั่น เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากรายได้ค่าเช่าของผู้เช่าที่ยังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งแนวโน้มการเข้าใช้บริการของคนที่เข้ามามีแนวโน้มที่เติบโตสูงกว่าครึ่งปีแรกที่โต 15% หรือคิดเป็นจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการระดับตัวเลข 7 หลัก

นอกจากนี้ ในเดือน พ.ย.จะมีผู้เช่าจำนวนหนึ่งหมดสัญญาราว 1,000 สัญญา ซึ่งบริษัทจะเริ่มทยอยต่อสัญญาใหม่และอาจปรับเพิ่มค่าเช่าในบางสัญญา พร้อมกันนั้น ตั้งแต่เดือน พ.ย.นี้เป็นต้นไปบริษัทจะปรับสัญญาการเช่าให้เป็นสัญญาระยะสั้น 1-2 ปี

โดยจะทำให้ในช่วง 3 ปีข้างหน้าสัญญาเช่าพื้นที่ของเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ จะเป็นสัญญาเช่าระยะสั้นเป็นส่วนใหญ่ เพื่อทำให้การบริหารจัดการสินค้าและร้านค้าในศูนย์ฯง่ายขึ้น และมีผลต่ออัตราค่าเช่าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตเมื่อต่อสัญญาใหม่

ปัจจุบันสัญญาเช่าพื้นที่ในเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ เหลือผู้เช่าที่ทำสัญญาเช่า 10 ปี ซึ่งมีระยะเวลาสัญญาเหลืออีก 4 ปี ส่วนสัญญา 5 ปี ปัจจุบันไม่มีแล้ว

ส่วนตลาดนีออน (Talad Neon-Downtown Night Market) ตั้งแต่เดือน พ.ย.เป็นต้นไปบริษัทจะเพิ่มจำนวนวันเปิดให้บริการเป็น 7 วัน จากปัจจุบัน 5 วัน หลังจากที่ตลาดนีออนได้รับความนิยมค่อนข้างมาก ทำให้ผู้เช่าส่วนใหญ่มีความต้องการเพิ่มวันขายมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถปรับเพิ่มอัตราค่าเช่าได้

พร้อมกันนั้นบริษัทจะทำการปรับปรุงพื้นที่ของตลาดนีออนบางส่วนให้มีความเหมาะสม และเพิ่มความหลากหลายของสินค้าเพื่อให้ผู้ใช้บริการได้เพลิดเพลินกับการเดินจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น

ด้านธุรกิจโรงแรมในช่วงครึ่งปีหลังยังมีแนวโน้มที่เติบโตขึ้น เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงหลังจากเดือน พ.ย.ที่บริษัทมองว่าการเฉลิมฉลองและการท่องเที่ยวต่างๆ จะกลับมาคึกคักมากขึ้น

ดังนั้นจึงทำให้ธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะมีการเติบโตดีขึ้น ซึ่งคาดว่าอัตราการเข้าพัก (OCC) ในช่วงครึ่งปีหลังจะเพิ่มเป็น 88% จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 86% และอัตราค่าห้องพักจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3,200-3,300 บาท/ห้อง/คืน จากช่วงครึ่งปีแรกที่ 3,000 บาท/ห้อง/คืน

สำหรับภาพรวมของกำลังซื้อในปัจจุบันยอมรับว่าผู้บริโภคมีความระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ด้วยบริษัทเป็นศูนย์ค้าส่งจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะหากเศรษฐกิจดี บริษัทก็จะไปได้ดีมาก

ทั้งนี้หากเศรษฐกิจย่ำแย่ ก็จะมีคนมาซื้อของไปขายเพื่อทำอาชีพเสริมมากขึ้น รวมถึงปัจจุบันนักท่องเที่ยวเป็นส่วนสำคัญในการผลักดันกำลังซื้อ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งรัฐบาลควรให้ความสำคัญกับการกระตุ้นกำลังซื้อของชาวต่างชาติ

ขณะเดียวกันบริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 3 พันล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ลงทุนในโครงการ The Market Bangkok ขณะนี้ก่อสร้างคืบหน้าแล้ว 30% และอยู่ระหว่างการคัดเลือกร้านค้า โดยอยู่ระหว่างเจรจากับร้านค้าขนาดใหญ่ 300 ราย และร้านขนาดเล็ก 1,000 ราย ซึ่งพื้นที่การค้าจะเปิดให้บริการในปี 62

โดนปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือประมาณ 5.5-5.6 พันล้านบาท ซึ่งเพียงพอกับการลงทุนโครงการในอนาคต อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการมองหาซื้อที่ดินใหม่ใน กทม.เพื่อนำมาพัฒนา โดยจะเน้นไปที่ธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมก่อน ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ แต่มองว่าราคาขายที่ดินขณะนี้ค่อนข้างสูง

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการย่านประตูน้ำและหน่วยงานรัฐ เพื่อร่วมกันลงทุนสร้างทางเดินลอยฟ้าเชื่อมศูนย์การค้ารอบประตูน้ำทั้งหมด และเชื่อมต่อกับทางเดินลอยฟ้าตามแนวราชประสงค์ เพื่อยกระดับย่านการค้าของประตูน้ำเป็นศูนย์การค้าเชิงพาณิชย์ของอาเซียน แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมีความชัดเจนเมื่อใด เพราะมีรายละเอียดต่างๆ ที่ต้องพิจารณากันมาก

ทั้งนี้บริษัทอาจจะพิจารณาเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) กับนักลงทุนสถาบันต่างชาติที่สิงคโปร์และฮ่องกงในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยหวังจะช่วยเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนต่างชาติทั้งในและต่างประเทศเข้ามาถือหุ้นใน PLAT

Back to top button