TCJ มั่นใจปีนี้รายได้โตเข้าเป้า 10% ตามโครงการรัฐหนุน
TCJ มั่นใจปีนี้รายได้โตเข้าเป้า 10% เชื่อโครงการรัฐหนุนอัตราใช้กำลังผลิตเต็มที่ต้นปี 61
นายทรงวุฒิ ไกรภัสสร์พงษ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ที.ซี.เจ.เอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ TCJ เปิดเผยว่า บริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าผลการดำเนินงานปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ราว 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,245.38 ล้านบาท เนื่องจากคาดจะได้รับผลบวกจากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC)
ประกอบกับ ปัจจุบันบริษัทฯ ขยายธุรกิจเป็นที่มั่นคง ได้แก่ ธุรกิจให้เช่าเครื่องจักรกลหนักในการสร้างงานโครงสร้างพื้นฐาน การผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กกล้าไร้สนิม การจัดจำหน่ายวัสดุโลหะภัณฑ์และเครื่องจักรกล และงานรับประกอบติดตั้งสถานีรถไฟฟ้าและคอนโดมิเนียมต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้โดยประมาณ จากการขายแผ่นเหล็กและผลิตท่อสแตนเลส 35% จากการให้เช่าเครื่องจักรกล 35% และจากการซื้อขายเครื่องจักรกล วัสดุอุปกรณ์ รวมงานประกอบและติดตั้งอีก 30%
“TCJ ยังเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทย ที่ได้รับประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพประกาศนียบัตร 3A และประกาศนียบัตร Heat Exchanger ทำให้ได้มีโอกาสจัดจำหน่ายท่อเหล็กกล้าไร้สนิมประเภทอาหารและเครื่องดื่มให้แก่บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำของโลก ได้แก่ Alfa Laval และ Tetra Pack ซึ่งเราได้ผลิตและจำหน่ายท่อเหล็กกล้าไร้สนิมหลายประเภท และประเภทที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย คือ ท่อที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร สัดส่วนที่มีจำนวนมากคือ ท่อที่ใช้ในการผลิตน้ำตาล ส่วนท่อที่ใช้ในโรงงานอาหารและเครื่องดื่มอื่น ได้แก่ อาหารกระป๋อง นม น้ำอัดลม น้ำผลไม้ และเบียร์ เป็นต้น”นายทรงวุฒิ กล่าว
ด้านนายทัสชน ลีลาประชากุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ เปิดเผยว่า บริษัทมีความหลากหลายทางธุรกิจ อาทิ งานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ, อุตสาหกรรมก่อสร้าง หรือ งานอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งบริษัทได้เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่งานฐานล่างสุดจนถึงงานตบแต่ง
นอกจากนี้ TCJ รับงานตบแต่งสถานีรถไฟฟ้าที่มีมูลค่าสูง โดยถือว่าเป็นผลจากการที่บริษัทฯ สั่งสมประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญที่มีมายาวนาน ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ประกอบและติดตั้งโลหะภัณฑ์ (Metal Fabricator) ที่ให้บริการครบวงจร และไม่เพียงความเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับงานในทุกขนาด ทุกโครงการ
“จะเห็นได้ว่าโครงการลงทุนรถไฟฟ้าหลายสายได้เริ่มลงนามในสัญญาก่อสร้าง ทำให้เริ่มเห็นการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศเริ่มขับเคลื่อน รวมถึงกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯเช่นกัน ดังจะเห็นได้ว่าการให้บริการให้เช่ารถเครน ซึ่งเป็นด่านแรกของการก่อสร้าง เกิดความคึกคักตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 3/60 และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตน่าจะเต็มกำลังการผลิตในช่วงไตรมาส1/61″นายทัสชน กล่าว
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.60) บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 794.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 618.48 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากรายได้จากธุรกิจในกลุ่มโลหะเพิ่มขึ้น และเป็นปัจจัยหลักผลักดันให้กำไรเพิ่มขึ้น โดยกำไรสุทธิงวด 6 เดือนแรกของปี 60 บริษัทฯ ทำได้ 41.48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 243.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิราว 12.18 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/60 (เม.ย.-มิ.ย.60) มีรายได้ 323.50 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย จากไตรมาส 2/59 ที่มีรายได้ 337.17 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.56 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาขายในตลาดลดต่ำลง ส่งผลให้บริษัทต้องลดราคาลงตาม อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าแนวโน้มช่วงที่เหลือของปีจะไม่มีผลกระทบจากราคาขายในตลาดลดต่ำลงไปอีก เนื่องจากทิศทางของอุตสาหกรรมเริ่มส่งสัญญาณดีขึ้น