ปรับหมากกลยุทธ์ ภาคบ่าย – บล.เอเซีย พลัส

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส สรุปทิศทางและแนวโน้มตลาดบ่ายนี้


บาทอ่อนระทวย มีโอกาสไปแตะ 33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ SET Index อาจโดนกดดันในช่วงระยะสั้น โดยดัชนีหลุดแนวรับสำคัญที่ 1,513 จุดแล้ว แนวทดสอบต่อไปคือ 1,502 จุด กลยุทธ์ยังเน้นหุ้นได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น เลือก ASK และ PTTEP เป็นตัวเด่น  

มุมมองและการวิเคราะห์ :

– สัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ไล่ตั้งแต่การใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายด้วยการลดดอกเบี้ยลงเหลือ 1.5% และการดำเนินมาตรการผ่อนคลายทุนเคลื่อนย้าย  ซึ่งมาตรการเหล่านี้ล้วนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่า โดยตั้งแต่วันที่ 29 เม.ย. – ปัจจุบัน เงินบาทอ่อนค่ากว่า 2% ปัจจุบันมาอยู่ที่ 33.37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนที่สุดในรอบ 5 ปี และยังมีแนวโน้มอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง จากโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 0.25-0.5% ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่เหลืออีก 4 ครั้งจนถึงสิ้นปี 2558

– จากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างค่าเงินบาทและ SET Index ข้อมูล 100 วันย้อนหลังจะพบว่ามีทิศทางสัมพันธ์กันไปในทางตรงกันข้ามกันด้วยค่าสัมประสิทธ์สหสัมพันธ์ (Correlation) ติดลบสูงถึง -0.73 ซึ่งเมื่อทำการทดสอบด้วยสมการถดถอย จะพบว่าหากค่าเงินบาทไปเคลื่อนไหวในกรอบ 33.5 – 34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ SET Index จะเคลื่อนไหวลงมาอยู่ในกรอบ 1,450 -1,480 จุด

– การอ่อนค่าแบบฉับพลันของเงินบาทในรอบนี้ คาดว่าจะมีผลทางจิตวิทยาต่อตลาดทุนพอสมควร โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นตัวอุปสรรคที่ขวางการไหลเข้า Fund Flow ที่จะมีความกังวลเกี่ยวกับ Fx Loss มากขึ้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากสถานะการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในระดับที่ต่ำมาก โดยดูได้จากยอดการปิดโอนในกระดานต่างประเทศรวมกับยอดซื้อสุทธิใน NVDR ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 31.4% ของ Market Cap ถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งจะเห็นได้ว่าวานนี้นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิเล็กน้อยเพียง 67 ล้านบาทเท่านั้น

– การอ่อนค่าของเงินบาทจะมีผลต่อการดำเนินงานของแต่ล่ะกลุ่มอุตสาหกรรมใน SET Index พอสมควร โดยกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาทจะมี  กลุ่มส่งออก โดยเฉพาะส่งออกชิ้นส่วนฯ ทุกๆ 1 บาทที่อ่อนค่าจะส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิกลุ่มฯ ในปี 2558 ปรับเพิ่มขึ้น 5.4% กลุ่มยานยนต์ และผู้ผลิตชิ้นส่วนจะได้ประโยชน์จากการส่งออกที่มากขึ้น กลุ่มเหล็ก MCS ได้ประโยชน์จากรายได้ทีเป็นเงินเยน เครื่องดื่ม SAPPE จะดีเพราะมีสัดส่วนการส่งออกกว่า 60% กลุ่มขนส่งทางเรือ TTA RCL ได้ประโยชน์เพราะรับเงินในรูปดอลลาร์  ส่วน

– กลุ่มที่จะเสียประโยชน์ยามเงินบาทอ่อนค่า กลุ่มนำเข้า เช่น กลุ่มรับเหมางาน ICT SIM SAMTEL AIT ต้องนำเข้าวัสดุอุปกรณ์จากต่างประเทศ กลุ่มขนส่งทางอากาศเช่น THAI มีต้นทุนน้ำมันที่ต้องจ่ายเป็นดอลลาร์

กลยุทธ์การลงทุน Investment Tactic  :  กลยุทธ์เน้น ยังคงเลือกหุ้นที่คาดจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และหุ้นน้ำมัน ASK, SPALI, PTT, PTTEP

– หุ้นเด่นเดือน พ.ค.58 AAV BEAUTY  BJCHI  ICHI  SYNTEC  THCOM และ WORK

– หุ้นปันผลเด่นที่จะเป็นทางเลือกยามดอกเบี้ยขาลง ASK BTS INTUCH

– หุ้นผลประกอบการฟื้นตัว มองพลังงานที่ยัง Laggards PTTEP, PTTGC

– หุ้น PE ต่ำ และมี Story เด่น STPI, BJCHI

– Portfolio Update : ASK, STPI, SYNTEC, BJCHI, PTTEP  

Back to top button