PTT ยันนำ PTTOR เข้าตลาดฯตามแผน เร่งทำข้อเสนอส่งบอร์ด PPP พิจารณา
PTT ยันนำ PTTOR เข้าตลาดหุ้นตามแผน เร่งทำข้อเสนอส่งบอร์ด PPP พิจารณาก่อนโอนทรัพย์สิน
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการนำบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (PTTOR) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังคงเป็นไปตามแผน
โดยหากสามารถโอนทรัพย์สินให้กับ PTTOR ได้ก่อนวันที่ 1 ธ.ค.60 ก็จะสามารถนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนภายในปี 61 แต่หากการโอนสินทรัพย์ ไม่ทันวันที่ 1 ธ.ค.60 การนำ PTTOR เข้าจดทะเบียนคงต้องเลื่อนไปเป็นปี 62
ขณะที่ปัจจุบัน ปตท.อยู่ระหว่างการจัดทำข้อเสนอการนำทรัพย์สินที่ปตท.เช่าจากส่วนราชการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่ดินที่ ปตท.เช่าอยู่ ต้องเปลี่ยนมาให้ PTTOR เป็นคนเช่าช่วงแทน ทำให้ต้องนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) เพื่อพิจารณาต่อไปด้วย
“ขณะนี้อยู่ระหว่างทำเล่มที่จะเสนอผ่านกระทรวงพลังงานแล้วไป สคร. ก่อนจะส่งต่อไปยังคณะกรรมกา PPP คือเราต้องทำโปรเจ็คต์เข้าไป เป็น proposal เวลาเสนอกระทรวงพลังงานผ่าน สคร. ทันไม่ทันขึ้นกับการประชุมคณะกรรมการ PPP”นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวว่า สำหรับกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการ PPP เป็นเรื่องของการเช่าช่วงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับส่วนงานราชการ แต่ในส่วนการโอนทรัพย์สินของ ปตท.ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก ซึ่งมีอยู่เกือบ 10 บริษัทนั้นไม่จำเป็นต้องนำเสนอต่อคณะกรรมการ PPP อย่างไรก็ตาม มูลค่าการโอนทรัพย์สินทั้งหมดอาจจะต้องมีการทบทวนใหม่อีกครั้งในช่วงใกล้เวลาโอนจากปัจจุบันที่มีมูลค่าเบื้องต้นอยู่ที่ราว 1.2 แสนล้านบาท
สำหรับการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) นั้น ปตท.ไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และยังมองว่าเปิดเสรียังนับเป็นเรื่องที่ดี ที่ทำให้ราคา LPG สะท้อนตามราคาตลาดและมีการแข่งขันอย่างเสรี ส่วนพื้นที่คลัง LPG ที่เขาบ่อยา จ.ชลบุรี ซึ่งมีศักยภาพรองรับ LPG ได้ 2.5 แสนตัน/เดือนนั้น ปัจจุบันมีอัตราการใช้ไม่ถึง 50% หลังจากการนำเข้า LPG ลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบัน ปตท.อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ค้ารายอื่นที่สนใจจะเช่าใช้คลัง LPG ดังกล่าว
ส่วนยอดขายธุรกิจน้ำมันรวมทั้งในส่วนของอุตสาหกรรม,น้ำมันเครื่องบิน และค้าปลีก ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ปตท.ยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาดในระดับ 40.7-40.8% เพิ่มขึ้นราว 1% โดยมีปริมาณขายรวม 9,840 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 4.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าตลาดรวมของประเทศที่มียอดขายน้ำมันรวม 25,690 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 1.5% โดยยอดขายของธุรกิจน้ำมันของ ปตท.เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มทั้งเบนซิน ,ดีเซล, น้ำมันเครื่องบิน ยกเว้น LPG ที่มียอดขายลดลง 0.6% แต่ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดรวมที่มียอดขาย LPG ลดลง 2% เมื่อพิจารณาเฉพาะการขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมัน ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ปตท.มียอดขายน้ำมันดีเซล ลดลง 1% แต่เบนซิน เพิ่มขึ้น 4%
ขณะที่ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่ายอดขายน้ำมันของทั้งประเทศน่าจะยังไม่เปลี่ยนแปลงมาก โดยคาดว่าตลาดรวมน่าจะยังเติบโตในระดับ 1-2% เช่นเดียวกับครึ่งปีแรก แม้ว่าในช่วงเดือน ต.ค.ที่ปกติเป็นช่วงไฮซีซั่น แต่ในปีนี้อาจจะมียอดขายลดลงบ้างก็ตาม ขณะที่ราคาน้ำมันดิบน่าจะยังทรงตัวระดับ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งจะทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไม่เปลี่ยนแปลงจากปัจจุบันมากนัก