PTTGC มั่นใจรายได้ปีนี้โตแตะ 4 แสนลบ. รับกำลังผลิตเพิ่ม-ราคาสินค้าสูง
PTTGC มั่นใจรายได้ปีนี้โตแกร่งกว่า 4 แสนลบ. รับกำลังผลิตเพิ่ม-ราคาสินค้าสูง พร้อมวางกรอบเงินลงทุน 5 ปี ไว้กว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อยอดธุรกิจในอนาคต
นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ผู้จัดการฝ่ายหน่วยงานการเงินองค์กร และนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะอยู่ที่ 4.4 แสนล้านบาท เติบโต 26% จากปีก่อน โดยครึ่งปีแรกบริษัทสามารถทำรายได้แล้วกว่า 2.1 แสนล้านบาท จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและราคาทุกผลิตภัณฑ์สูงกว่าปีก่อน
อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากโครงการ MAX ซึ่งเป็นโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กร ที่เริ่มในช่วงไตรมาส 4/59 โดยช่วงครึ่งปีแรกได้รับกำไรจากโครงการ MAX ที่ 1.23 พันล้านบาท โดยคาดว่าทั้งปีนี้จะรับรู้กำไรที่ 3-3.2 พันล้านบาท และเพิ่มเป็น 8 พันล้านบาทในปี 62
ส่วนค่าการกลั่น (GRM) ที่ไม่รวมผลกระทบจากสต็อกน้ำมันในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 6.3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีก่อน โดยมองราคาน้ำมันดิบปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งในไตรมาส 3/60 ราคาน้ำมันดิบอาจจะปรับตัวลดลงเล็กน้อย ก่อนจะปรับตัวขึ้นในไตรมาส 4/60 ตามความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูหนาว
นอกจากนี้ บริษัทคาดปริมาณขายผลิตภัณฑ์พลาสติกในไตรมาส 3/60 จะสูงกว่าไตรมาส 2/60 เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงานปิโตรเคมีเหมือนในช่วงไตรมาส 2 ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของอะโรเมติกส์ เพิ่มขึ้นเป็น 90% จากไตรมาส 2/60 ที่อยู่ที่ 65% และการใช้กำลังการผลิตโรงโอเลฟินส์ ที่จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 90% จาก 89% ในไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่ นายทิติพงษ์ กล่าวอีกว่า บริษัทวางกรอบเงินลงทุน 5 ปี (ปี 60-64) ไว้ที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดในมือราว 6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นราว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และยังมีความสามารถในการกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้อีก จากหนี้สินต่อทุนที่อยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวจะนำไปใช้ในการลงทุนโครงการต่าง ๆ ทั้งในส่วนของโครงการเดิมและโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
โดยปัจจุบันโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษา ได้แก่ โครงการผลิต Polyamide-9T เป็นพลาสติกที่ใช้สำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ และผลิตพลาสติก HSBC ร่วมกับพันธมิตร Kuraray คาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปในการตัดสินใจการลงทุนหรือไม่ ในปี 61
รวมถึงบริษัทยังได้มีการลงนามสัญญา (MOU) กับ Nanyang Technological University(NTU) เพื่อดำเนินการในเรื่องของ 3D Printing แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปของการลงทุน ขณะที่ภายในเดือนส.ค.นี้ จะได้ข้อสรุปในการตัดสินใจขั้นสุดท้าย สำหรับการลงทุนโครงการ PO/Polyols Project มูลค่าการลงทุนราว 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งหากเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตได้ในปี 63