ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3%

SCB EIC ประเมินเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 3.0% ดอกเบี้ยนโยบายลดเหลือ 1.25%ใน H1 บาทอ่อนค่า 33.5 ช่วงปลายปี


ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า ศูนย์วิจัยฯ ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยในปี 58 เติบโต 3% เศรษฐกิจไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 58 อยู่ในภาวะชะลอตัว แม้ว่าจะมีภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งเป็นปัจจัยหนุน โดยราคาน้ำมันที่ลดลงไม่ได้ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนมากนัก อีกทั้งครัวเรือนในภาคเกษตรจำนวนมากยังได้รับผลกระทบจากราคาผลผลิตที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง

รวมถึงยังมีปัจจัยที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ได้แก่ ความไม่แน่นอนของนโยบายรัฐเกี่ยวกับการปฏิรูปด้านภาษี ความล่าช้าในการเบิกจ่ายงบประมาณการลงทุนของรัฐที่ทำได้เพียง 27.8% ในครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ ด้วยปัจจัยดังกล่าว อีไอซีจึงได้ปรับลดประมาณการการขยายตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนในปีนี้ลงเหลือ 1.4% และ 2.5% ตามลำดับ

ทั้งนี้ อุปสงค์ภายในประเทศยังขาดแรงผลักดันที่ชัดเจนและปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกยังมีอยู่มาก ความอ่อนแอของเศรษฐกิจโลกทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัวโดยเฉพาะการลดลงของมูลค่าสินค้าส่งออกสินค้าที่เชื่อมโยงกับน้ำมันดิบในช่วงที่ผ่านมา ทำให้อีไอซีปรับลดประมาณการส่งออกสินค้าไทยในปีนี้ว่าจะหดตัว 1.3% อย่างไรก็ดีราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้มูลค่าการนำเข้าหดตัวอย่างมาก ประกอบกับการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขึ้นหลังสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองกลับมามีเสถียรภาพ ทำให้อีไอซีคาดว่าไทยจะเกินดุลบัญชีเดินสะพัดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ เป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้ค่าเงินบาทจะไม่อ่อนค่าลงเร็วนัก โดยประเมินว่าเงินบาทจะอ่อนค่าไปอยู่ที่ระดับ 33.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ในปลายปีนี้

โดยอีไอซีคาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงไปที่ระดับ 1.25% ภายในครึ่งปีแรก โดยการลดดอกเบี้ยในเดือนเมษายนเหลือ 1.50% ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เป็นการแสดงท่าทีที่ชัดเจนในการพร้อมใช้นโยบายการเงินในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับปัจจุบันปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอในเกือบทุกด้านและมีแนวโน้มแย่ลง ความเสี่ยงภาวะเงินฝืดมีมากขึ้น

รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นในภูมิภาคจนกระทบภาคการส่งออก การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสามารถช่วยบรรเทาภาระดอกเบี้ยให้แก่ทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่กำลังประสบปัญหาหนี้อยู่ในระดับสูงได้เช่นกัน

นอกจากนี้ เศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่นยังไม่ฟื้นตัวดีนัก ส่งกระทบกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ น่าจะเลื่อนการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายออกไปอีก ด้วยเหตุนี้ กนง.จึงคลายความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเงินในระยะ 2-3 เดือนนี้

Back to top button