ตลท.เตือนผู้ถือหุ้น QTC ศึกษาข้อมูลก่อนอนุมัติลงทุน “แอล โซลาร์ 1”
ตลท.เตือนผู้ถือหุ้น QTC ศึกษาข้อมูลก่อนอนุมัติลงทุน “แอล โซลาร์ 1” ด้าน IFA ชี้ราคาซื้อหุ้น-การชำระด้วยหุ้นเพิ่มทุนไม่เหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องจากกรณีที่บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC เตรียมจะเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้บริษัทคิวทีซี โกลบอล เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท แอล โซลาร์ 1 จำกัด (LS1) มูลค่า 538 ล้านบาท
โดยชำระเป็นเงินสด 287 ล้านบาท และชำระด้วยหุ้น เพิ่มทุนของ QTC 20.91 ล้านหุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 12 บาท รวม 251 ล้านบาท คิดเป็นขนาดรายการ 56.15% ของสินทรัพย์ที่มีตัวตนสุทธิ ทั้งนี้ LS1 ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 8 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่จังหวัด ปราจีนบุรี
อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) เห็นว่า ผู้ถือหุ้นไม่ควรอนุมัติการซื้อหุ้น LS1 เนื่องจากราคาซื้อหุ้น LS1 ไม่เหมาะสม จากราคาซื้อหุ้น LS1 จำนวน 538 ล้านบาท เป็นราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน (411-461 ล้านบาท) รวมทั้งการชำระด้วยหุ้นเพิ่มทุนของ QTC จำนวน 20.91 ล้านหุ้น ไม่เหมาะสม โดยจำนวนที่ เหมาะสมเท่ากับ 8.56-12.83 ล้านหุ้น
รวมทั้งความเสี่ยงจากการเข้าทำรายการ เช่น QTC จะมีหนี้สินและดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนและการด้อยค่าความนิยมจากการซื้อหุ้น LS1 การใช้แหล่งเงินทุนไม่เหมาะสมโดย ใช้แหล่งเงินทุนระยะสั้นในการลงทุนระยะยาว
ขณะที่คณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาความเห็นของ IFA แล้ว ยังคงเห็นว่า การซื้อหุ้น LS1 มีความเหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น เนื่องจากช่วยเพิ่มความมั่นคงของรายได้ ลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายหม้อแปลงไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว และ LS1 เป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว (รายละเอียดปรากฏตามข่าวของ QTC วันที่ 20 มิถุนายน 2560 และวันที่ 9, 10 สิงหาคม 2560)
ทั้งนี้จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) จึงขอให้ผู้ถือหุ้นของ QTC ศึกษาข้อมูลและรายงานความเห็น IFA อย่างรอบคอบและ รักษาสิทธิของผู้ถือหุ้นโดยเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 29 สิงหาคม 2560 เวลา 14.00 น. ณ โรงแรม เดอะแกรนด์โฟร์วิงส์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ
ทั้งนี้ การเข้าทารายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนเสียงทั้งหมดของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียงลงคะแนน