“นสพ.ข่าวหุ้นฯ”จับมือตลท.เชิญ PTTEP-KTC-BCP ร่วมสัมมนา”หุ้นแกร่งขั้นเทพ”พรุ่งนี้(26ส.ค.)!
"นสพ.ข่าวหุ้นฯ" จับมือตลท.เชิญ PTTEP-KTC-BCP ร่วมสัมมนา "หุ้นแกร่งขั้นเทพ" พรุ่งนี้ (26 ส.ค.)!
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในนาม “invesnow” ร่วมจัดงานสุดยอดสัมมนาไตรมาส 3 ในหัวข้อ “หุ้นแกร่งขั้นเทพ” และ “จับเทรนด์หุ้นเด็ดครึ่งหลังปี 60” ในวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม 2560 เวลา 13.00 – 17.00 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ข้างสถานฑูตจีน)
โดยในงานสัมมนาหัวข้อ “หุ้นแกร่งขั้นเทพ” พบกับ 3 สุดยอดผู้บริหารร่วมเสวานา อาทิ คุณระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC และคุณชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP พร้อมด้วยคุณสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP
ส่วนหัวข้อ “จับเทรนด์หุ้นเด็ดครึ่งหลังปี 60”พบกับ3 โบรกเกอร์ชั้นนำของเมืองไทยมาร่วมเสวนาในหัวข้อดังกล่าว อาทิ คุณกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และคุณสุเชษฐ์ สุขแท้ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด พร้อมด้วยคุณสุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ KTC มีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ปรับปรุงเกณฑ์การอนุมัติการทำบัตรเครดิต ซึ่งเบื้องต้นมีแนวคิดจำกัดการถือครองบัตรเครดิต จากเดิมกำหนดให้ผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 15,000 บาท/เดือน จะสามารถทำบัตรเครดิตได้ ส่วนหลักเกณฑ์ใหม่กำหนดให้ต้องมีรายได้ 30,000 บาท/เดือน
โดยประเด็นดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของผู้ดำเนินธุรกิจบัตรเครดิต เนื่องจากการออกบัตรเครดิตให้ลูกค้าจะยากขึ้น กระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยในบัตรเครดิตที่ปัจจุบันที่ประชาชนใช้นำมาทดแทนเงินสดให้ลดลง
อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงมั่นใจว่ากำไรจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10% โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการรักษาความสัมพันธ์กับฐานสมาชิกที่มีอยู่ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากกฎเกณฑ์ใหม่ของ ธปท.
พร้อมกันนั้นจะรุกทำการตลาดแบบไม่มีข้อจำกัด เพื่อให้สมาชิกทุกพื้นที่ได้รับความคุ้มค่าและความสุขทุกครั้งจากการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซี ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายผ่านร้านค้าต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และต่างประเทศ หรือผ่านร้านค้าออนไลน์ ด้วยแคมเปญการตลาดแบบผสมผสานที่ครอบคลุมทุกหมวดการใช้จ่ายหลัก และตอบสนองไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม
รวมทั้งเตรียมพร้อมรับกระแสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้บัตรเคทีซีเป็นบัตรหลักที่ตอบโจทย์การใช้จ่ายของผู้บริโภคด้วยประสบการณ์ที่น่าพอใจ ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) รวมจะรักษาให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปัจจุบันที่ 1.57%
ทั้งนี้นักลงทุนสามารถเข้าร่วมฟังสัมมนาเพื่อฟังแนวทาง มุมมอง ทิศทางธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ และแผนการดำเนินงานในอนาคตของบริษัท รวมถึงรับฟังจุดแข็ง จุดอ่อนที่บริหารจะร่วมพูดคุยเสวนาร่วมกันทั้ง 3 บริษัทอย่างโปร่งใสและชัดเจนทุกประเด็นร้อน
ส่วน PTTEP ก่อนหน้านี้ The Coordinating Ministry for Maritime Affairs อินโดนีเซีย ยื่นฟ้องคดีต่อศาลในกรุงจาการ์ตา เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลของแหล่งมอนทารา ในทะเลติมอร์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อปี 2552 ราว 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 6.9 หมื่นล้านบาท
รวมทั้งจากการหยุดผลิตปิโตรเลียมในพื้นที่ของสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ในโครงการ S1 เป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด กรณีดังกล่าวกระทบต่อปริมาณขายน้ำมันดิบลดลงประมาณ 15,000 บาร์เรล/วัน
โดยต่อมาเมื่อ 20 มิ.ย.60 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับการออกประกาศคำสั่งตามมาตรา 44 ในการแก้ปัญหากรณีการใช้พื้นที่ ส.ป.ก.ในการผลิตปิโตรเลียม รวมไปถึงเหมืองแร่ และการวางกังหันลมด้วย จึงส่งผลให้โครงการ S1 จะสามารถกลับมาผลิตปิโตรเลียมได้ตามเดิม
สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะเน้นดำเนินการในโครงการ S1 โดยเจาะหลุมสำรวจเพิ่มมากขึ้น และในประเทศเมียนมาก็จะเพิ่มปริมาณการขายในประเทศ เพื่อทดแทนปริมาณการขายที่ลดลงในฝั่งอ่าวไทย และพยายามที่จะเพิ่มประสิทธิภาพระบบปิดซ่อมบำรุงของเมียนมา ส่วนแหล่งน้ำมัน Montara จะเร่งการขุดเจาะสำรวจเร็วขึ้นจากเดิมที่มีแผนขุดเจาะในปีหน้า ขณะที่แหล่งบงกชและแหล่งอาทิตย์ จะเพิ่มผลผลิตจากหลุมที่มีน้ำมันดิบให้เพิ่มขึ้น เพื่อทดแทนในส่วนของก๊าซ และเพิ่มปริมาณการขาย
ด้าน BCP รับความเสี่ยงจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี 60 รวมทั้งความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง โดยยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจด้านพลังงานสีเขียวและธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน โดยตั้งเป้าหมายสิ้นปี 60 มีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เติบโตร้อยละ 20 จากปีก่อน
ทั้งนี้นักลงทุนที่จะเข้าร่วมงานสัมมนาหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ ขณะนี้ระบบลงทะเบียนร่วมงานสัมมนาได้ปิดรับสมัครเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนที่สนใจเข้าร่วมงานสัมมนาในวันพรุ่งนี้ (26 ส.ค.60) สามารถเดินทางไปลงทะเบียนสัมมนาได้หน้างาน ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ข้างสถานฑูตจีน) ในเวลา 12.00 น. เป็นต้นไป