สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 30 ส.ค.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) ขานรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์เช่นกัน ขณะที่นักลงทุนรอดูถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับนโยบายปฏิรูปภาษี
ดัชนีเฉลี่ยอุตสหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,892.43 จุด เพิ่มขึ้น 27.06 จุด หรือ +0.12% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,457.59 จุด เพิ่มขึ้น 11.29 จุด หรือ +0.46% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,368.31 จุด เพิ่มขึ้น 66.42 จุด หรือ +1.05%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ มีปฏิกริยาอย่างระมัดระวังในการตอบโต้การยิงขีปนาวุธครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.7% ปิดที่ 371.01 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,002.47 จุด เพิ่มขึ้น 56.59 จุด หรือ +0.47% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,056.34 จุด เพิ่มขึ้น 24.42 จุด หรือ +0.49% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,365.26 จุด เพิ่มขึ้น 27.83 จุด หรือ +0.38%
ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) ขณะที่นักลงทุนเริ่มคลายความวิตกและกลับเข้าสู่ตลาดมากขึ้น ภายหลังจากที่เกาหลีเหนือได้ทดสอบยิงขีปนาวุธพิสัยกลางข้ามเกาะญี่ปุ่นเพื่อตอบโต้การซ้อมรบร่วมกันระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ ซึ่งทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งบนคาบสมุทรเกาหลีทวีความตึงเครียดขึ้นก่อนหน้านี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 27.83 จุด หรือ +0.38% ปิดที่ 7,365.26 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือนเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน “ฮาร์วีย์” ที่ทำให้โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งในสหรัฐต้องปิดดำเนินการ ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 48 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 45.96 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ก.ค.
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. ร่วงลง 1.14 ดอลลาร์ หรือ 2.2% ปิดที่ 50.86 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 และตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.ที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาด
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 4.80 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ 1,314.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.3 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 17.503 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 8.30 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 995.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 12.65 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 931.05 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (30 ส.ค.) ขานรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ของสหรัฐและตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนส.ค.ที่ขยายตัวดีเกินคาด
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1887 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1993 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์อ่อนค่าลงแตะ 1.2922 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2928 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลง ที่ระดับ 0.7897 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7963 ดอลลาร์
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.41 เยน จากระดับ 109.57 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9634 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9534 ฟรังก์สวิส