ARROW ทุ่ม 40 ลบ. ซื้อเครื่องจักรใหม่ พร้อมแตกไลน์ธุรกิจผลิตอุปกรณ์ก่อสร้าง
ARROW ทุ่ม 40 ลบ. ซื้อเครื่องจักรใหม่ หวังเพิ่มกำลังการผลิตอีก 20% คาดเดินเครื่องผลิตในก.ย.นี้ พร้อมแตกไลน์ธุรกิจผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างในระบบ Post tension รองรับการฟื้นตัวของธุรกิจก่อสร้าง-สนับสนุนธุรกิจเดิม
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW เปิดเผยว่า บริษัทได้ทุ่มงบลงทุนประมาณ 40 ล้านบาทเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ แบ่งเป็น 10 ล้านบาท ซื้อเครื่องจักรผลิตท่อร้อยสายไฟฟ้าเพิ่มอีก 1 เครื่อง จากปัจจุบันมี 4 สายการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 20% รองรับความต้องการของตลาดท่อร้อยสายไฟที่มีแนวโน้มขยายตัวในทิศทางที่ดี โดยจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในเดือน ก.ย.นี้
ทั้งนี้จากแนวโน้มธุรกิจท่อร้อยสายไฟที่ยังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี บริษัทจึงได้ลงทุนซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของท่อร้อยสายไฟให้เพียงพอและรองรับคำสั่งซื้อได้มากขึ้น ที่สำคัญเครื่องจักรนี้ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ด้วย
ส่วนเงินลงทุนอีก 30 ล้านบาท บริษัทจะนำไปซื้อเครื่องจักรผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างในระบบ Post tension เพื่อรองรับการฟื้นตัวของธุรกิจก่อสร้างในอนาคต ซึ่งเครื่องจักรนี้จะมีกำลังการผลิต 150 ตันต่อเดือน และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในไตรมาส 4/60
“เครื่องจักรผลิตอุปกรณ์ก่อสร้างในระบบ Post tension ถือเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของกลุ่มบริษัทที่จะเข้ามาช่วยซับพอร์ตธุรกิจเดิมที่บริษัทดำเนินการอยู่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ Set Up เครื่องจักร คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้นจะเริ่มดำเนินการผลิตได้ และจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/60″นายธานินทร์ กล่าว
สำหรับภาพรวมธุรกิจไตรมาสที่เหลือปีนี้ บริษัทเชื่อว่าจะยังคงทำผลงานขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจจากงานรับเหมาก่อสร้างที่ยังเติบโต อีกทั้งทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 770 ล้านบาท ประกอบกับคาดว่าจะมีงานใหม่ๆ ทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ผลประกอบการงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 100.20 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 688.76 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 10.94% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 620.83 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของธุรกิจ ทำให้มั่นใจว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10-20% ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจะรักษาให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-30%