S&P เตือนหากสหรัฐขยายเพดานหนี้ไม่ทัน ชี้อาจกระทบศก.สหรัฐอย่างรุนแรง
S&P เตือนหากสหรัฐขยายเพดานหนี้ไม่ทัน ชี้อาจกระทบศก.สหรัฐอย่างรุนแรง
นักเศรษฐศาสตร์จาก S&P Global Ratings ออกรายงานเตือนว่า หากสหรัฐไม่สามารถขยายเพดานหนี้ได้ทันกำหนด จะทำให้รัฐบาลมีความเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ และนำไปสู่การปิดการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ (ชัตดาวน์) ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐโดยรวมอย่างรุนแรง และฉุดรั้งการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในไตรมาส 4/2560 ถึง 0.2% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 6.5 พันล้านดอลลาร์
นางเบธ แอนน์ โบนิโว หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐประจำ S&P Global Ratings ระบุในรายงานหัวข้อ “With a shutdown, there will be blood” ว่า หากสหรัฐล้มเหลวในการขยายเพดานก่อหนี้สาธารณะได้ทันการณ์ จะสร้างความหายนะให้กับเศรษฐกิจสหรัฐในระดับที่รุนแรงยิ่งกว่าเหตุการณ์ล้มละลายของสถาบันการเงินเลห์แมน บราเธอร์สในปี 2008 เสียอีก”
รายงานของ S&P ระบุว่า หากรัฐบาลสหรัฐหยุดการดำเนินงาน ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งระบบ โดยสามารถอธิบายได้จากทฤษฎี “butterfly effect” ซึ่งเป็นแนวคิดเรื่องผลกระทบที่ดำเนินต่อเนื่องเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ เช่น หากภาครัฐปิดให้บริการสวนสาธารณะแห่งชาติ ย่อมส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทเอกชนที่อาศัยสัญญาจากภาครัฐ เป็นต้น
นางโบนิโว ระบุในรายงานต่อไปว่า การผิดนัดชำระหนี้ใดๆของรัฐบาลจะส่งผลกระทบในทันที โดยที่การใช้จ่ายของภาครัฐจะหดตัวลงประมาณ 4% ของ GDP ซึ่งจะฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นอย่างมาก
การออกรายงานฉบับดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อตอกย้ำให้เห็นความเสียหายที่รุนแรง หากเกิดการชัตดาวน์ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นเป็นเวลา 16 วันในเดือนต.ค. 2016 และ 1 เดือนในช่วงปี 1995-1996 เนื่องจากในปัจจุบัน สหรัฐกำลังเผชิญกับความขัดแย้งทางการเมือง ถึงแม้ว่าพรรครีพับลิกันของประธานาธิบดีโดรัลด์ ทรัมป์ จะครองเสียงข้างมากในรัฐสภาก็ตาม อย่างไรก็ตาม S&P เชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้ว วุฒิสภาสหรัฐจะสามารถผ่านกฎหมายขยายเพดานหนี้ได้ก่อนเส้นตายคือในช่วงสิ้นเดือนก.ย. ซึ่งจะช่วยให้สหรัฐสามารถรั้งอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA+ ไว้ได้ต่อไป