สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 31 ส.ค.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐได้ออกมาส่งสัญญาณว่า รัฐบาลกำลังผลักดันมาตรการปฏิรูปภาษีให้มีผลบังคับใช้ภายในช่วงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ข้อมูลเงินเฟ้อที่ซบเซาของสหรัฐยังช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,948.10 จุด เพิ่มขึ้น 55.67 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,471.65 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 จุด หรือ +0.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,428.66 จุด เพิ่มขึ้น 60.35 จุด หรือ +0.95%
ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากทางการจีนเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตขยายตัวแข็งแกร่งในเดือนส.ค. อย่างไรก็ตาม นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากบริษัทคาร์ฟูร์ ปรับลดคาดการณ์ยอดขายตลอดปี 2560
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.8% ปิดที่ 373.88 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,055.84 จุด เพิ่มขึ้น 53.37 จุด หรือ +0.44% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,085.59 จุด เพิ่มขึ้น 29.25 จุด หรือ +0.58% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,430.62 จุด เพิ่มขึ้น 65.36 จุด หรือ +0.89%
ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) ด้วยปัจจัยบวกจากข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของจีน ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 65.36 จุด หรือ +0.89% ปิดที่ 7,430.62 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลงมากกว่าการคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน “ฮาร์วีย์” ที่พัดกระหน่ำรัฐเท็กซัสและลุยเซียนา จนทำให้โรงกลั่นน้ำมันหลายแห่งต้องระงับการดำเนินงานชั่วคราว
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 1.27 ดอลลาร์ หรือ 2.8% ปิดที่ 47.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 1.52 ดอลลาร์ หรือ 3% ปิดที่ 52.38 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดบวกเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐออกมาซบเซา
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 8.10 ดอลลาร์ หรือ 0.62% ปิดที่ระดับ 1,322.20 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 7.2 เซนต์ หรือ 0.41% ปิดที่ 17.575 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 3.30 ดอลลาร์ หรือ 0.33% ปิดที่ 998.50 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.20 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 932.25 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (31 ส.ค.) จากแรงกดดันของข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วนยังระมัดระวังการซื้อขายเพื่อจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐประจำเดือนส.ค.ที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1907 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1887 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.2927 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2922 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น ที่ระดับ 0.7947 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7897 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 110.02 เยน จากระดับ 110.41 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9596 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9634 ฟรังก์สวิส