“ทวิช” ไม่ฟันธงขึ้นบริหาร IFEC อยากเห็นผถห.ใหญ่ผนึกกำลังแก้วิกฤตการณ์
"ทวิช" ไม่ฟันธงขึ้นบริหาร IFEC อยากเห็นผถห.ใหญ่ผนึกกำลังแก้วิกฤตการณ์
สืบเนื่องจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษ นายวิชัย ถาวรวัฒนยงค์ ประธานกรรมการของบริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กรณีกระทำโดยทุจริตโดยแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้เพื่อตนเองหรือบุคคลอื่น
จากการที่นายวิชัย เป็นประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท และได้ใช้วิธีการลงคะแนนเสียงแบบสะสม (Cumulative Voting) เพื่อเลือกตั้งกรรมการทดแทนกรรมการที่ว่างไป ทั้งที่รู้ว่าข้อบังคับของบริษัทมิได้กำหนดให้สามารถกระทำได้
โดยผลจากการกล่าวโทษดังกล่าว ส่งผลให้นายวิชัยเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศ ก.ล.ต. จึงไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนได้ตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ อีกต่อไป
ล่าสุด นายทวิช เตชะนาวากุล ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 และอดีตกรรมการของ IFEC เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ” ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30-11.00 น. ว่า การกล่าวโทษนายวิชัยของก.ล.ต.เป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมาย และจะส่งผลให้สถานการณ์ของ IFEC ในขณะนี้ลำบากกว่าเดิม โดยเฉพาะการชำระหนี้
โดยหลังจากที่ นายวิชัยถูกก.ล.ต.กล่าวโทษจะทำให้ IFEC มีกรรมการเหลือเพียง 1 ท่าน และต้องเข้ามารักษาการแทนและปฏิบัติหน้าที่ดูแลบริษัททั้งหมด รวมถึงจัดการเลือกตั้งกรรมการที่เหลือว่างอีก 8 ท่านให้ได้โดยเร็วที่สุด
“ใครก็ตามที่จะเข้ามาบริหาร IFEC ในขณะนี้คงจะเจอปัญหาอย่างมากทีเดียว ทั้งการดูแลเรื่องสภาพคล่อง การเจรจากับเจ้าหนี้ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของงบการเงินที่ปิดโดยไม่ได้รับการรับรอง”นายทวิช กล่าว
ส่วนตนจะกลับเข้าไปบริหารใน IFEC หรือไม่นั้น นายทวิช เปิดเผยว่า “ขึ้นอยู่กับว่าหากได้กลับเข้าไปแล้วจะสร้างประโยชน์ให้กับบริษัทได้หรือไม่ แต่ในตอนนี้มองว่า ยังไม่จำเป็นและไม่กล้าที่จะเสนอตัวเป็นวีรบุรุษ เพราะงานนี้ถือว่าเป็นงานค่อนข้างใหญ่ นอกจากนี้ยังมองว่าผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นๆ ควรจะเข้ามาช่วยกันดูแล อย่าปล่อยให้อำนาจการบริหารตกอยู่ที่ผู้ใดผู้หนึ่ง”
สำหรับกรณีการฟ้องร้องของนายวิชัยที่มีอยู่หลากหลายคดีนั้นก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนปกติ แต่หากคดีไหนที่ไม่จำเป็นก็อาจจะตัดรอนออกไป
ดังนั้น จึงเป็นที่ตั้งข้อสังเกตว่า กลุ่มเตชะนาวากุล และกลุ่มเทพผดุงพร ในฐานะผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ IFEC จะเข้ามาร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ของ IFEC หรือไม่ รวมถึงการแต่งตั้งกรรมการที่ยังว่างอยู่จะมีบทสรุปอย่างไร