BBL ควัก 2 หมื่นล้านไถ่หุ้นกู้ก่อนกำหนด 5 ปี ประหยัดดอกเบี้ย 4.38 พันล้าน!

BBL ปล็ดภาระหนี้หุ้นกู้ 2 หมื่นล้านบาทก่อนครบกำหนด ลดรายจ่ายร่วม 4.38 พันล้านบาท


สืบเนื่องจากกรณีที่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ได้ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2555 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2565 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด (BBL22DA) และเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2555 จำนวน 2 หมื่นล้านบาทนั้น ซึ่งทาง BBL มีความประสงค์ที่จะไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งจำนวนก่อนวันครบกำหนด

โดยตามเงื่อนไขแล้วสามารถไถ่ถอนได้ ณ วันครบรอบ 5 ปี นับแต่วันที่ออกหุ้นกู้ หรือ ณ วันชำระดอกเบี้ยใดๆ หลังจากวันครบรอบ 5 ปี นับแต่วันออกหุ้นกู้ โดยไถ่ถอนตามมูลค่าที่ตราไว้ต่อหน่วยของหุ้นกู้นั้น แต่ต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ก่อน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2560 ธปท. ได้อนุญาตให้ BBL ดำเนินการไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิทั้งจำนวนก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน ธนาคารจึงขอใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิในวันที่ 7 ธันวาคม 2560 โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนกรรมสิทธิ์หุ้นกู้ด้อยสิทธิ ในวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 เวลา 12.00 น.

โดย ธนาคารจะชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในการไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 7 ธันวาคม 2560 อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4.375 ต่อปี โดยมีระยะเวลาในการคำนวณดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2560 ถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2560 รวม 183 วัน

 

จากประเด็นดังกล่าว ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า” การไถ่ถอนหุ้นกู้ทั้งจำนวนก่อนวันครบกำหนดจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยของ BBL ที่ตามปกติจะต้องชำระดอกเบี้ยจากหุ้นกู้ชุดดังกล่าวเป็นเงิน 875 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นเงินทั้งหมด 4.38 พันล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี ตามกำหนดไถ่ถอนเดิม ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 2565 โดยภาระดอกเบี้ย 875 ล้านบาท คำนวณจากวงเงินของหุ้นกู้ 2 หมื่นล้านบาท ที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ย 4.375 ต่อปี

โดยรายจ่ายดังกล่าวที่ลดลงไป 875 ล้านบาทต่อปี คิดเป็น 2.38% จากกำไรสุทธิของปี 2560 ที่มีการคาดการณ์ว่า BBL จะมีกำไรสุทธิที่ 3.67 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเท่ากับว่าหากกระบวนการไถ่ถอนเสร็จสิ้นลงทาง BBL จะไม่มีภาระที่จะต้องแบกรับจากหุ้นกู้ชุดดังกล่าวอีกต่อไป และกำไรสุทธิของบริษัทอาจสูงขึ้นกว่าที่เคยมีการคาดการณ์

ด้านนักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันที่ (9 ส.ค.) ว่า ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL (TP210*) คาดกำไรสุทธิปี 60 เติบโตสูงสุดในกลุ่มที่ 3.67 หมื่นล้านบาท เติบโตสูงถึง 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้ง NII และ Non-NII สอดคล้องกับยอดสินเชื่อรวมที่คาดว่าจะเติบโต 4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านคุณภาพสินทรัพย์ BBL มีนโยบายในการตั้งสำรองทำให้แรงกดดันด้าน NPL ที่ปรับเพิ่มตามภาพของอุตสาหกรรม ยังไม่น่าเป็นห่วง มูลค่าพื้นฐานค่อนข้าง undervalued กลุ่มธนาคาร โดยซื้อขายที่ PBV ปี 2560 ที่ 0.86 เท่า  โดยต่ำกว่ากลุ่มฯที่ 1.52 เท่า โดยวันที่ 10 ส.ค. ประมูลรถไฟทางคู่ 2 เส้น มูลค่าราว 1.60 หมื่นล้านบาท คาดส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคารให้ราคาเป้าหมาย 210 บาท

Back to top button