ITEL-TRUE เฮ! “บิ๊กตู่” สั่งลุยเน็ตชายขอบ ซัดพฤติกรรมสตง.ทำประเทศชาติเสียประโยชน์
ITEL-TRUE เฮ! "บิ๊กตู่" สั่งลุยเน็ตชายขอบ ซัดพฤติกรรมสตง.ทำประเทศชาติเสียประโยชน์
สืบเนื่องจากกรณีที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะระงับการดำเนินโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบที่ได้จัดการประมูลไปแล้วก่อนหน้านี้เอาไว้ก่อน เพื่อรอการหารือกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หลังจาก สตง.เคยส่งหนังสือมายังกสทช.ก่อนการประมูลเพื่อทักท้วงการดำเนินโครงการดังกล่าว
โดยประเด็นดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นบริษัท อินเตอร์ลิงค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL และบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ชนะการประมูลโครงการอินเตอร์เน็ตชายขอบ เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกกังวลต่อความล่าช้าเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (6 ก.ย. 2560) กสทช. ได้พิจารณาข้อสังเกตของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และรายงานจากเลขาธิการ กสทช. ที่เข้าประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
โดย มีประเด็นเรื่องการพิจารณาโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ (Zone C+) 3,920 หมู่บ้าน จำนวน 8 สัญญา โดยเห็นชอบผลการประกวดราคาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สำนักงาน กสทช. ได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1-2 ส.ค. 2560 วงเงินงบประมาณรวม 13,614.62 ล้านบาท ประกวดราคาในวงเงินรวม 12,989.69 ล้านบาท
ขณะที่มีรายงานข่าวระหว่างการประชุมว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สอบถามนายฐากรถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยพลเอกประยุทธกล่าวในภายหลังว่า สตง. ควรดูในส่วนของข้อกฎหมายว่า สตง. มีอำนาจหน้าที่อย่างไรในการท้วงติงโครงการฯ
“ควรท้วงติงโครงการที่ส่อการทุจริตต่างๆ มากกว่าจะมาท้วงติงเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นโครงการพังหมด”
ทั้งนี้ กสทช. ได้ขอเวลา 2-3 วัน เพื่อยกร่างคำตอบถึง สตง. ก่อนจะส่งให้สตง. เพื่อเดินหน้าเซ็นสัญญาโครงการให้เสร็จภายในวันที่ 10 ก.ย.นี้ เพื่อให้การทำงานเป็นไปตามกรอบเวลาเดิม เพราะนายกฯ ประกาศแล้วว่าปี 2561 เน็ตประชารัฐต้องครอบคลุมทั้งประเทศ และต้องติดตั้งครบตามที่ให้สัญญาไว้กับนายกรัฐมนตรีทั้งหมดในประเทศ 7 หมื่นกว่าหมู่บ้าน
ขณะที่ ความชัดเจนต่อโครงการดังกล่าวถือเป็นประเด็นที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง โดยเบื้องต้นมีการคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้ผลประกอบการในอนาคตของทั้ง ITEL และ TRUE เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนกลับมาลงทุนมากขึ้น
อนึ่ง กลุ่มบริษัท TRUE ชนะประมูล 3 สัญญา ได้แก่ โครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ หมู่บ้านในพื้นที่ชายขอบ (Zone C+) กลุ่มที่ 1 (ภาคเหนือ 1) ส่วนที่ 1 ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet Service) ในวงเงินรวม 2,812,014,000 บาท
พร้อมด้วยโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ หมู่บ้านในพื้นที่ชายขอบ (Zone C+) กลุ่มที่ 2 (ภาคเหนือ 2) ส่วนที่ 2 การจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Service) บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด
รวมถึงโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ หมู่บ้านในพื้นที่ชายขอบ (Zone C+) กลุ่มที่ 3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) ส่วนที่ 2 การจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Service) บริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคาโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ในวงเงินรวม 532,064,800 บาท
ขณะที่ ITEL ชนะการประมูลโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ หมู่บ้านในพื้นที่ชายขอบ (Zone C+) กลุ่มที่ 4 (ภาคกลาง-ใต้) และกลุ่มที่ 5 (3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา) ส่วนที่ 1 ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet Service) จำนวน 24 จังหวัด คิดเป็นมูลค่างานรวมทั้งสิ้น 1,868,235,000 บาท