สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 6 ก.ย.60


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก เมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และแกนนำในสภาคองเกรส ได้บรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,807.64 จุด เพิ่มขึ้น 54.33 จุด หรือ +0.25% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,465.54 จุด เพิ่มขึ้น 7.69 จุด หรือ +0.31% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,393.31 จุด เพิ่มขึ้น 17.74 จุด หรือ +0.28%

 

ตลาดหุ้นยุโรปปิดดีดตัวขึ้น เมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มรถยนต์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันนี้ เพื่อดูว่านายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB จะส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่

ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.1% ปิดที่ 373.95 จุด

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,214.54 จุด เพิ่มขึ้น 90.83 จุด หรือ +0.75% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,101.41 จุด เพิ่มขึ้น 14.85 จุด หรือ +0.29% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,354.13 จุด ลดลง 18.79 จุด หรือ -0.25%

 

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบ เมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) จากแรงกดดันของสกุลเงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังได้รับแรงฉุดจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มประกันภัย สืบเนื่องจากนักลงทุนวิตกผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน “เออร์มา” ที่กำลังจ่อพัดถล่มรัฐฟลอริดาของสหรัฐ

ดัชนี FTSE 100 ลดลง 18.79 จุด หรือ -0.25% ปิดที่ 7,354.13 จุด

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลง เมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และแกนนำในสภาคองเกรส ได้บรรลุข้อตกลงในการขยายเพดานหนี้ออกไปจนถึงวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐ (ชัตดาวน์)

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 5.50 ดอลลาร์ หรือ 0.4% ปิดที่ระดับ 1,339.00 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 17.91 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 1.90 ดอลลาร์ หรือ 0.2% ปิดที่ 1,007.10 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 25.10 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 931.90 ดอลลาร์/ออนซ์

 

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) หลังจากโรงกลั่นน้ำมันบางส่วนของสหรัฐในแถบกัลฟ์โคสต์ได้เริ่มกลับมาดำเนินการผลิต หลังจากที่ต้องปิดลงก่อนหน้านี้จากอิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคน “ฮาร์วีย์” ขณะที่นักลงทุนจับตาพายุเฮอร์ริเคน “เออร์มา” ซึ่งมีความรุนแรงในระดับ 5 และกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลคาริบเบียน และรัฐฟลอริดา

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 50 เซนต์ หรือ 1% ปิดที่ 49.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.

สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 54.20 ดอลลาร์/บาร์เรล

 

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับเงินสกุลหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) จากแรงกดดันของกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ สืบเนื่องจากเงินเฟ้อยังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟด ขณะที่พายุเฮอร์ริเคน “เออร์มา” ซึ่งกำลังเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งสหรัฐและคาดว่าจะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงนั้น ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาดการณ์ดังกล่าว

ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1923 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1905 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะ 1.3049 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3027 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้น 0.8002 ดอลลาร์ จากระดับ 0.7990 ดอลลาร์

ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 109.32 เยน จากระดับ 108.79 เยน และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9566 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9555 ฟรังก์สวิส

Back to top button