AIT คาดรายได้ปี 61 โต 5-10% หลัง Backlog แตะ 3 พันลบ. พร้อมดันบริษัทย่อยเข้าตลาดฯสิงคโปร์
AIT คาดรายได้ปี 61 โต 5-10% หลัง Backlog แตะ 3 พันลบ. เตรียมเข้าประมูลงาน 2.20 หมื่นลบ. พร้อมดันบริษัทย่อย “Campana” เข้าตลาดหุ้นสิงคโปร์
นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์ ประธานคณะกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอ็ดวานซ์อินฟอร์เมชั่นเทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT คาดว่ารายได้ปี 61 จะเติบโตราว 5-10% จากเป้าหมาย 5,000 ล้านบาทในปีนี้ จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ณ สิ้นปี 60 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 2,500-3,000 ล้านบาท หลังเตรียมเข้าประมูลงานมูลค่าราว 22,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นงานภาครัฐในสัดส่วน 70-80% และที่เหลือเป็นงานของภาคเอกชน
อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทมีงานในมืออยู่ที่ 3,269 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 2,400 ล้านบาท ผลักดันให้รายได้ทั้งปีนี้เติบโตขึ้นแตะระดับ 5,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย จากครึ่งปีแรกสามารถทำได้แล้วราว 2,485 ล้านบาท ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างรอคำสั่งซื้อจากลูกค้าอีกจำนวน 205 ล้านบาท และอยู่ระหว่างประมูลงานเพิ่มอีกประมาณ 117 ล้านบาท โดยในส่วนของงานบมจ.กสท โทรคมนาคม (CAT) และบมจ.ทีโอที (TOT) นั้น บริษัทก็คาดหวังว่าจะได้รับงานไม่น้อยกว่า 50%
สำหรับการลงทุนโครงการศูนย์ Data Center ขนาด 624 แร็ก ที่บริษัทได้ร่วมกับ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) และบมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) มีสัดส่วนการถือหุ้นฝ่ายละ 33.33% นั้น คาดว่าจะสามารถให้ลูกค้าใช้บริการได้ในไตรมาส 4/60 จากปัจจุบันมียอดลูกค้าเช่าใช้แล้วราว 30% ซึ่งคาดว่าน่าจะถึงจุดคุ้มทุนได้ใน 3-4 ปีจากนี้ หรือมีลูกค้าเช่าใช้ประมาณ 80-90%
ส่วนการดำเนินงานของบริษัท ล็อกซเล่ย์ แอนด์ เอไอที โฮลดิ้งส์ จำกัด (LAH) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง AIT กับบมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) เพื่อดำเนินโครงการเคเบิลออฟติคใต้น้ำระหว่างไทย-เมียนมา มูลค่าลงทุน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะเริ่มเดินสายเคเบิลใต้น้ำจากเมืองย่างกุ้ง มาประเทศไทยได้ภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่อยู่ระหว่างรอความชัดเจนจากพันธมิตรรายสุดท้าย ซึ่งเป็นรายใหญ่จากญี่ปุ่น ขณะที่โครงการเคเบิลออฟติคบนดินระหว่างไทยกับเมียนมา ที่ LAH เป็นผู้ดำเนินการนั้นคาดว่าจะเริ่มทดสอบการเดินเครื่องในเดือนต.ค.นี้ และน่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในไตรมาส 4/60
อย่างไรก็ตามบริษัทก็มีแผนนำบริษัทย่อย บริษัท Campana ผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการเดินสายเคเบิลใต้น้ำในฝั่งอันดามัน เพื่อให้บริการเช่าลิ้งค์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศสิงค์โปรในอนาคต โดย Campana เป็นบริษัทที่ LAH ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนได้เข้าร่วมลงทุน ซึ่งปัจจุบันมีโครงสร้างผู้ถือหุ้นใน Campana ได้แก่ ผู้ก่อตั้ง 36.58% ,LAH 29.94% และ AIT 8.04% โดยเมื่อรวมกับการลงทุนใน LAH จะทำให้ AIT มีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในสัดส่วน 23.01%
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างรอลงนามในสัญญา (MOU) ร่วมกับรัฐบาลกัมพูชา เพื่อเข้าไปวางระบบฐานข้อมูลหลัก ซึ่งในเบื้องต้นคือการวางระบบทะเบียนราษฎร์ มูลค่าราว 30 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดหวังว่าจะสามารถเซ็นสัญญาดังกล่าวได้ภายในปีนี้