สรุปภาวะตลาดต่างประเทศวานนี้
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 7 ก.ย.60
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบ เมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อถูกเทขายอย่างหนัก หลังจากบริษัทคอมแคสต์ และวอลท์ ดิสนีย์ ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขาย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคน “เออร์มา” และความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ในวันเสาร์นี้ ซึ่งเป็นวันชาติของเกาหลีเหนือ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,784.78 จุด ลดลง 22.86 จุด หรือ -0.10% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,465.10 จุด ลดลง 0.44 จุด หรือ -0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,397.87 จุด เพิ่มขึ้น 4.55 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก เมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.3% ปิดที่ 374.95 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,114.62 จุด เพิ่มขึ้น 13.21 จุด หรือ +0.26% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,296.63 จุด เพิ่มขึ้น 82.09 จุด หรือ +0.67% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,396.98 จุด เพิ่มขึ้น 42.85 จุด หรือ +0.58%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนบวก เมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) จากอานิสงส์การที่สกุลเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร ภายหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงนโยบายการเงินตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะพิจารณาเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ พร้อมกับแย้มว่าการตัดสินใจต่างๆอาจมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนต.ค.นี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 42.85 จุด หรือ +0.58% ปิดที่ 7,396.98 จุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดขยับลง เมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาพายุเฮอร์ริเคน “เออร์มา” ซึ่งมีความรุนแรงในระดับ 5 และกำลังเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลคาริบเบียน
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. ลดลง 7 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 49.09 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 29 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 54.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น แตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับยูโร หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมเมื่อวานนี้
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 11.30 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ระดับ 1,350.30 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย. 2016
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 20.6 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 18.116 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 9.70 ดอลลาร์ หรือ 1% ปิดที่ 1,016.80 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. พุ่งขึ้น 16.95 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 948.85 ดอลลาร์/ออนซ์
สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (7 ก.ย.) ภายหลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงนโยบายการเงินตามคาดในการประชุมเมื่อวานนี้ ขณะที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB เปิดเผยว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของ ECB จะพิจารณาเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ พร้อมกับแย้มว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจมีขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายในเดือนต.ค.นี้
ยูโรแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.2007 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1923 ดอลลาร์ ในขณะที่ปอนด์แข็งค่าแตะ 1.3079 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3049 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นที่ระดับ 0.8036 ดอลลาร์ จากระดับ 0.8002 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยน ที่ระดับ 108.57 เยน จากระดับ 109.32 เยน ทั้งอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9520 ฟรังก์สวิส จากระดับ 0.9566 ฟรังก์สวิส และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2135 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2222 ดอลลาร์