จับตา “ชาญ เธียรกาญจนวงศ์” หวนนั่งเก้าอี้เอ็มดี “BIG” หวังกอบกู้ภาพลักษณ์-ปั้มยอดขาย

จากกรณีที่บริษัท บิ๊กคาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ได้รับการตัดสินจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่าผู้บริหาร 2 คนได้แก่  นายธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์ ในฐานะกรรมการ และกรรมการผู้จัดการ และนายชิตชัย เธียรกาญจนวงศ์ ในฐานะกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ มีความผิดจากการเข้าซื้อหุ้น BIG ในบัญชีของตนเอง จำนวน 2,620,000 หุ้น และ 3,858,100 หุ้น ตามลำดับ ก่อนที่ BIG จะมีการเปิดเผยงบการเงินประจำปี 2558 ต่อประชาชนเป็นการทั่วไปผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559

ดังนั้นจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงเป็นเหตุให้ผู้บริหารทั้ง 2 คน ถูกปรับเงินรวม 6,250,075.80 บาท และมีคำสั่งให้ทั้งนายธนสิทธิ์และนายชิตชัยห้ามดำรงตำแหน่งกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนเป็นเวลา 1 ปี

ทั้งนี้ ผู้บริหารทั้ง 2 คนได้เข้าทำการซื้อหุ้นเกินกว่า 30 วันก่อนการเปิดเผยงบการเงิน และจนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ขายหุ้นจำนวนดังกล่าวออกมา แต่ก็ไม่อาจทำให้ผู้บริหารทั้ง 2 หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบได้ จึงน้อมรับคำตัดสิน และได้มีการลาออกตามมาโดยมีผลไปแล้วตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2560 พร้อมกับดึงนายชาญ เธียรกาญจนวงศ์ และนางวรรณ์กมล เธียรกาญจนวงศ์ เข้ามารักษาการแทน

โดยนายชาญ ซึ่งเป็นประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารอยู่แล้ว ได้เข้ามาอยู่ในตำแหน่งรักษาการ กรรมการผู้จัดการเพิ่มเติมแทน นายธนสิทธิ์ ที่กลายเป็นอดีตผู้บริหาร

ขณะที่นางวรรณ์กมล กรรมการ และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้เข้ามาเป็นประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์เพิ่มเติม แทนนายชิตชัยที่ตอนนี้ไม่ได้ดำรงตำแหน่งใดๆ แล้วในบริษัท

นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3/2560 จะมีการจัด BIG PRO DAYS ให้เร็วขึ้นเพื่อเร่งกำลังซื้อในตลาดที่ชะลอตัวให้กลับมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูกาลขายที่แท้จริงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีและมีแผนจัดงานแสดงสินค้าเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งปีนี้นับว่าเป็นโอกาสเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวพื้นตัว อีกทั้งในเชิงผลประกอบการในครึ่งหลังยังมีโอกาสดีกว่าปกติหากสามารถ กลับรายการทางบัญชีที่มีการตั้งสำรองรายด้อยค่าสต็อกสินค้าในงบงวดไตรมาส 2/2560 อีกด้วย

อนึ่ง นายชาญ เธียรกาญจนวงศ์ ได้ก่อตั้งบริษัท ชาญ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ด้วยอายุเพียง 27 ปี โดยประกอบธุรกิจค้าส่งอุปกรณ์ถ่ายภาพ ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ในปี 2533 และใช้เวลาเพียง 5 ปีหลังจากนั้น ก็มีลูกค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศกลายเป็นผู้ค้าส่งเจ้าสำคัญในวงการ ก่อนที่ต่อมาจะเจอวิกฤตเศรษฐกิจเล่นงาน จนต้องปรับตัวผันกิจการกลายมาเป็นผู้ค้าปลีกจนก้าวขึ้นมาอยู่จุดสูงสุดของวงการได้อีกครั้ง ต่อมาเมื่อโลกเดินทางเข้าสู่ยุคดิจิตอลจึงค่อยถอยบทบาทส่งผ่านองค์ความรู้ให้รุ่นลูกเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดทิศทางของ BIG มากขึ้น