IVLเกาะกระแสดัชนีDJSI ติดท็อป 5 บริษัทเคมีภัณฑ์ระดับโลก โบรกฯอัพเป้าสนั่นรับกำไรสุดแกร่ง!

IVL เกาะกระแสดัชนี DJSI ติดท็อป 5 บริษัทเคมีภัณฑ์ระดับโลก โบรกฯอัพเป้าสนั่นรับผลประกอบการแข็งแกร่ง!


บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ระบุว่า บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ (Dow Jones Sustainability Index:DJSI) ในตลาดประเทศเปิดใหม่ (Emerging Markets) เป็นครั้งแรก ตามการประเมินโดย RobecoSAM ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศของผลการดำเนินงานของ IVL ในกลุ่มบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลและความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำในด้านความยั่งยืน

โดยดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์ (DJSI) เป็นกลุ่มดัชนีสากลที่เปรียบเทียบการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลกและการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง RobecoSAM และดัชนีดาวน์โจนส์ (S&P Dow Jones Indices) ที่มีการประเมินเป็นประจำทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทชั้นนำทั่วโลกมีการพัฒนาด้านความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การจัดอันดับผลการดำเนินงาน มีการประเมินการบริหารจัดการทั้งในมิติด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคม

ทั้งนี้ นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม IVL เปิดเผยว่า บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีเพื่อสังคม การได้รับคัดเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวน์โจนส์และถูกจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 5 บริษัทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกถือเป็นก้าวที่สำคัญ แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในอุตสาหกรรมและการพัฒนาของบริษัท บนเส้นทางความยั่งยืนระดับโลก ทั้งนี้ บริษัทจะยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการสร้างผลเชิงบวกต่อสังคม เพื่ออนาคตที่ดีของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

ทั้งนี้ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (8 ก.ย.) ว่า กำไรขั้นต้นที่สูงของกิจการ PTA ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจ PET ด้วยหลังจากการควบรวมกิจการทั้งสองเข้าด้วยกัน ขณะที่ IVL มีอัตราการผลิต IPA เพิ่มเป็นสองเท่า หลังจากการเริ่มโครงการ Gas Cracker ซึ่งส่งผลให้ความสามารถในการผลิต PET เพิ่มขึ้น และช่วยหนุนรายได้ในปี 2561

นอกจากนี้ราคาหุ้นมีสิทธิที่จะปรับตัวขึ้นเหนือตลาด และปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 50 บาท จากประเด็นที่ IVL ได้รับคัดเลือกอยู่ในดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ (DJSI) ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2560

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” IVL ราคาเป้าหมาย 44 บาท/หุ้น โดยคาดว่าการเติบโตของผลการดำเนินงานที่ดีในไตรมาส 3/60 กอปรกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไหลักของ IVL ในช่วงปี 2560-2561 ที่ 12% % (มีปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของส่วนต่างราคาและปริมาณขาย) สูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรของตลาดโดยรวมที่ 6% จึงเชื่อว่าปัจจัยดังกล่าวจะหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

นอกจากนี้ยังมีอัพไซต์ต่อประมาณการกำไรของบริษัทจากโอกาสในการควบรวมกิจการใหม่และผลกระทบจากอัตราภาษีที่ลดลง (หากมีการปรับลดอัตราภาษีที่สหรัฐฯ เนื่องจาก EBITDA ของ IVL 35% มาจากสหรัฐฯ) ทั้งนี้มูลค่าหุ้นซื้อขายกันอยู่ที่ PER ณ สิ้นปี 2560 ที่ 14.7 เท่า และ PBV ที่1.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 17.6 เท่า และ 2 เท่าตามลำดับ

ทั้งนี้กำไรของ IVL ที่แข็งแกร่งช่วงสองไตรมาสแรกของปีส่งผลให้ตลาดปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2560 มาอย่างต่อเนื่องโดยปรับเพิ่มขึ้นจาก 10.5 พันล้านบาทในเดือน ม.ค. มาอยู่ที่ 12.5 พันล้านบาทในปัจจุบัน หากแต่กำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ของ IVL คิดเป็น 59% ของประมาณการกำไรทั้งปีของตลาด ในขณะที่เราคาดกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรกประมาณการกำไรสุทธิปี 2560 อยู่ที่ 14.8 พันล้านบาท ซึ่งสูงกว่าตัวเลขปัจจุบันของตลาด 18% ทั้งนี้คาดว่าตลาดจะปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้นอีก

 

ขณะที่ก่อนหน้านี้ ธนาคารดอยซ์แบงก์ (Deutsche Bank) ปรับคำแนะนำจาก “ขาย” เป็น “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 46 บาท โดยเชื่อว่า PET margin ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และบริษัทยังคงมีประสิทธิภาพในการดำเนินงานจากการลงทุนในสหรัฐฯ ด้านผลประกอบการในไตรมาส 1/60 ทำให้มีมุมมองเป็นบวกต่อกำไรที่ฟื้นตัวได้ดี ขณะที่มองว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้นจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทในปีนี้เติบโต และการเริ่มต้นของการลงทุนในสหรัฐฯ จะช่วยหนุนยอดขายของบริษัทเติบโตขึ้นอย่างมากในปี 2561

ด้านราคาหุ้น IVL ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ 40.75 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง โดยระหว่างวันขึ้นไปทำระดับสูงสุดที่ 41.50 บาท ต่ำสุดที่ 40.25 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขายที่ 587.96 ล้านบาท

 

Back to top button