ASN คาดเบี้ยรับปีนี้หดตัวหลังยกเลิกสัญญาพาร์ทเนอร์หลัก เร่งแก้ปัญหาภายในสิ้นปี
ASN คาดเบี้ยรับปีนี้หดตัวหลังยกเลิกสัญญาพาร์ทเนอร์หลัก เร่งแก้ปัญหาภายในสิ้นปี
นายธวัชชัย ชีวานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเอสเอ็น โบรกเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASN เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าเบี้ยรับรวมของธุรกิจนายหน้าขายประกันปีนี้น่าจะต่ำกว่าปีก่อนที่ 164.46 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการเลิกสัญญากับพาร์ทเนอร์รายหลักในช่วงเดือน มิ.ย.60 ส่งผลทำให้เบี้ยประกันรถยนต์ติดลบอย่างมาก โดยครึ่งปีแรกติดลบราว 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ยอดขายประกันชีวิตก็ติดลบเช่นกัน โดยครึ่งปีแรกติดลบราว 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้มาจากประกันภัยรถยนต์ 80% และประกันชีวิต 20%
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิปีนี้น่าจะติดลบจากปีก่อนอยู่ที่ 40.76% และ 16.93% ตามลำดับ ขณะที่ครึ่งปีแรกอยู่ที่ 32.65% และ 5.30% โดยได้รับผลกระทบจากการเลิกสัญญากับพาร์ทเนอร์รายหลักเช่นกัน ซึ่งน่าจะเห็นผลชัดเจนอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังนี้ รวมถึงต้นทุนค่าใช้จ่ายในเรื่องของพนักงานขายที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับยอดขายที่ลดลง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทจะพยายามควบคุมต้นทุนและแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด
สำหรับกลยุทธ์การขายประกันภัยรถยนต์ต่อจากนี้ บริษัทฯ จะหันมามุ่งเน้นการดำเนินงานผ่านโครงการใหม่ หรือการขายประกันด้วยฐานข้อมูลของบริษัทเอง ซึ่งคาดว่ายอดขายน่าจะทยอยปรับตัวขึ้นมาได้ ส่วนการขายประกันชีวิต จะเพิ่มศักยภาพพนักงานที่มีอยู่ให้มากขึ้น
“เราเชื่อว่าผลกระทบที่เกิดขึ้น จะเป็นผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น ซึ่งเราทราบแล้วว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจะแก้ไขได้อย่างไร และเราคาดว่าจะดำเนินการแก้ไขได้ไม่เกินปีนี้อย่างแน่นอน” นายธวัชชัย กล่าว
ส่วนธุรกิจการขายประกันออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม OOHOO (อู้หู) ซึ่งปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ 3 ประเภท ได้แก่ ประกันรถยนต์ ,ประกันเดินทาง และประกันรถจักรยานยนต์ เป็นต้น ที่ผ่านมายังมียอดขายไม่มากนัก เนื่องจากพฤติกรรมของผู้ที่สนใจซื้อประกันผ่านออนไลน์ยังมีไม่มาก อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 4/60 บริษัทฯก็เตรียมที่จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ประเภทประกันอุบัติเหตุ คาดว่าน่าจะได้รับความน่าสนใจมากขึ้น
ขณะที่แพลตฟอร์ม “ได้เงินดอทคอม” หรือธุรกิจสินเชื่อในรูปแบบ P2P ซึ่งบริษัทจะทำหน้าที่ในการจับคู่ระหว่างผู้ให้กู้และผู้ขอกู้ โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างรอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งในระหว่างนี้บริษัทจะทำหน้าที่เป็นผู้ให้กู้ไปก่อน โดยได้เปิดให้บริการไปแล้วเมื่อไตรมาส 2/60 และมียอดปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 30 ล้านบาท ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ขอสินเชื่อ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อภายใน 1 ปีราว 300 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาให้บริการดังกล่าวผ่านแอพพลิเคชั่น คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในต้นปีหน้า