เดินหน้าต่อ! WEH คาดยื่นไฟลิ่งขาย IPO ก.พ.61 หลังปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น

นายประเดช กิตติอิสรานนท์ หนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ราวเดือน ก.พ.61 เพื่อรอการสรุปงบการเงินปี 60 โดยหวังว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) ได้ภายในกลางปีหน้า ซึ่งบริษัทมีวัตถุประสงค์จะระดมทุนมาใช้ในการขยายธุรกิจ

ปัจจุบัน WEH มีทุนจดทะเบียน 1,080 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 108 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท โดยปัจจุบันโครงการที่จ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วทั้งหมด 267 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าห้วยบง 1 และ 2 โครงการ ละ 103.5 เมกะวัตต์ ซึ่ง WEH ถือหุ้นแห่งละ 75% และโครงการวะตะแบก ขนาด 60 เมกะวัตต์ WEH ถือหุ้น 75%

ขณะที่บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 5 โครงการ กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 450 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานลมในจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมด ซึ่ง WEH ถือหุ้นทั้ง 100% โครงการส่วนใหญ่ 4 โครงการมีกำหนดแล้วเสร็จและ COD ในช่วงปลายปี 61 และมี 1 โครงการที่มีกำหนด COD ในเดือน ก.พ.62

นายประเดช กล่าวว่า หากโรงไฟฟ้าทั้งหมดในแผน COD ได้ตามกำหนดจะสร้างกำไรให้กับบริษัทได้ปีละ 7 พันล้านบาท

สำหรับปัญหาขัดแย้งภายในผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ บริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี่ คอร์ปอเรชั่น หรือ REC หรือชื่อใหม่ คือ บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี่ ไทยแลนด์ หรือ KPNET ซึ่งนายนพพร ศุภพิพัฒน์ อดีตผู้ถือหุ้นใหญ่ของ REC และ WEH ยื่นฟ้องต่ออนุญาโตตุลาการของ ICC เพื่อให้ตัดสินข้อพิพาทที่มีต่อนายณพ ณรงค์เดช ผู้ถือหุ้นใหญ่และประธานกรรมการบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี่ โฮลดิ้ง หรือ REC เดิม โดยเรียกค่าหุ้นค้างชำระทั้งหมด

โดยขณะนี้โครงสร้างของผู้ถือหุ้น WEH ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว โดย KPNET ได้ขายหุ้นที่ถือใน WEH สัดส่วน 60% ออกไปแล้วทั้งหมดให้กับบริษัทในฮ่องกง จากนั้นนายณพและตนเองได้เข้าซื้อหุ้น WEH จากบริษัทดังกล่าว ทำให้ขณะนี้กลุ่ม KPN ถือหุ้นใน WEH สัดส่วน 46% นายประเดช ถือหุ้นราว 38% นอกนั้นเป็นผู้บริหาร WEH และผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ รวมทั้ง บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ DEMCO พร้อมทั้งมีแผนจะเปลี่ยนชื่อเป็น KPN Power international

ล่าสุด บริษัทได้รับสัญญาเงินกู้จากธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB วงเงิน 3.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินกู้ส่วนใหญ่ราว 85% เป็นโปรเจ็คต์ไฟแนนซ์ และอีก 15% เป็นการกู้โดยบริษัท เพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการพลังงานทดแทน 5 โครงการใน จ.นครราชสีมา โดยมีเงื่อนไขว่ากลุ่ม KPN จะต้องฝากเงินไว้ในบัญชี 90 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเป็นหลักประกันว่าหากแพ้คดีในอนุญาโตตุลาการกับผู้ถือหุ้นเดิมจะสามารถชำระเงินค่าหุ้นได้ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเบิกเงินกู้มาบางส่วนเพื่อใช้เป็นมัดจำค่าก่อสร้าง ค่าเสากังหัน และค่าสายส่งแล้ว