EARTH ได้ฤกษ์ส่ง “Special Audit” พร้อมแจงมูลหนี้ 2.60 หมื่นล้านละเอียดยิบ!
EARTH ส่ง “Special Audit” ตามนัด! พร้อมแจงมูลหนี้ 2.60 หมื่นล้าน ละเอียดยิบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีคำสั่งให้บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) หรือ EARTH จัดให้มีการตรวจสอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) โดยผู้สอบบัญชีที่สังกัดสำนักงานสอบบัญชีหนึ่งในสำนักงานสอบบัญชีขนาดใหญ่ (Big 4) เกี่ยวกับที่มาความมีอยู่ และสถานะของมูลหนี้ที่เพิ่มขึ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 12 ก.ย.60 เวลา 17:04 น. EARTH ได้นำส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหนี้สินจำนวนกว่า 26,000 ล้านบาท ต่อ ก.ล.ต. และได้นำส่งรายงานผลการตรวจสอบบัญชีเป็นกรณีพิเศษ เกี่ยวกับที่มาของมูลหนี้ ซึ่งมีบริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด (PwC) เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการสรุปรายการหนี้สินดังนี้
สำหรับเอกสารฉบับเต็มมีดังนี้
โดยประเด็นดังกล่าวสืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.60 EARTH เปิดเผยข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า EARTH ได้ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วแลกเงินและค้างชำระหนี้สถาบันการเงิน ซึ่งทำให้เข้าเงื่อนไขผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้และมีหนี้สินที่คาดว่าจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ภายในมิ.ย.60 ซึ่งรวมมูลหนี้ทั้งหมดได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 20 ของสินทรัพย์รวมทั้งหมด
ทั้งนี้ ก.ล.ต. สั่งให้ EARTH จัดทำ special audit เกี่ยวกับการทำรายการจ่ายเงินล่วงหน้าค่าสินค้าและค่าจองสิทธิในการซื้อสินค้าดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เมื่อครบกำหนด 30 วันตามคำสั่งของก.ล.ต. EARTH ได้ได้ขอขยายระยะเวลาในการนำส่งรายงานผลการตรวจสอบต่อก.ล.ต.เพิ่มอีกเป็นภายในวันที่ 12 ก.ย.60
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ก.ค.60 EARTH แจ้งมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 31,828 ล้านบาท และหนี้สินรวมทั้งสิ้น 47,480 ล้านบาท จากคู่ค้ายื่นฟ้องยอดหนี้รวม 26,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีหนี้้สินมากกว่าทรัพย์สิน ซึ่งก่อนหน้านี้ EARTH แจ้งว่าบริษัทมีหนี้สินจำนวน 21,480 ล้านบาท ดังนั้น เมื่อวันที่ 9 ส.ค.60 ก.ล.ต. จึงสั่งให้ EARTH นำส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องกับหนี้สินจำนวนกว่า 26,000 ล้านบาท ต่อ ก.ล.ต. และจัดให้มีผู้สอบบัญชีตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (special audit) เกี่ยวกับที่มาความมีอยู่จริง และสถานะของมูลหนี้ดังกล่าว ซึ่งเป็นเหตุให้ EARTH ยื่นขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ โดยให้เปิดเผยผลการตรวจสอบผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 30 วัน