แม่เจ้า! ตลท.ตั้งเป้ามาร์เก็ตแคปแตะ 20 ล้านลบ.ในปี 64
แม่เจ้า! ตลท.ตั้งเป้ามาร์เก็ตแคปแตะ 20 ล้านลบ.ในปี 64 ตามแผนพัฒนาตลาดทุนไทย
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.มีแผนงานภายใต้แผนพัฒนาตลาดทุนไทยปี 60-64 ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเมื่อวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งมีประเด็นสำคัญ คือ เป้าหมายการเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) ต่อผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) เป็น 150% หรือคิดเป็นมูลค่ามาร์เก็ตแคปราว 20 ล้านล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 112% หรือคิดเป็นมูลค่ามาร์เก็ตแคปราว 16 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ ตลท.มีเป้าหมายขยายมาร์เก็ตแคปเติบโตราว 5 แสนล้านบาทต่อปี โดยจะมาจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ตั้งเป้าหมายเพิ่มขึ้นราว 2.8 แสนล้านบาทต่อปี และการเพิ่มทุนของบริษัทจดทะเบียนไทยผ่านเครื่องมือต่างๆราว 2 แสนล้านบาทต่อปี
ในขณะเดียวกันนโยบายหลักของแผนพัฒนาตลาดทุนไทย คือ เรื่องการเข้าถึงตลาดทุน เช่น ตลท. ได้ทำ Live Platform เพื่อให้ธุรกิจ Start Up หรือ SME ขนาดเล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ โดยพยายามสร้างโครงสร้างพื้นฐานของตลาดทุนให้แข็งแกร่ง รวมทั้งการแก้ไขกฎระเบียบ กฎหมายที่เป็นประโยชน์ และพยายามหาผู้สอบบัญชีเข้ามารองรับบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการใช้ T+2 ซึ่งจะเริ่มใช้ได้ เดือน มี.ค.61
สำหรับการเชื่อมโยงกับตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะใน CLMV ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะมีบริษัทในต่างประเทศเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และเร็วๆนี้มีแผนจะช่วย สปป. ลาว จัดทำกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเข้ามาระดมทุนในประเทศไทยด้วย หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทจดทะเบียนในลาวเริ่มเข้ามาระดมทุนในไทยในลักษณะการออกหุ้นกู้ และได้ผลตอบรับที่ดี รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาการจับคู่ตลาดหุ้นในภูมิภาค เพื่อสร้างการเชื่อมโยงระหว่างกัน เบื้องต้นอาจเป็นลักษณะเพิ่มช่องทางการซื้อขายหุ้นระหว่างกัน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาถึงความเป็นไปได้ และแนวทางต่างๆ
นอกจากนี้ ตลท.อยู่ระหว่างการจัดทำรายชื่อบริษัทจดทะเบียนที่มีการเข้าไปลงทุนธุรกิจในกลุ่ม CLMV เพื่อจะสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทย รวมถึงมีแผนผลักดันให้เกิดตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (Depositary Receipt : DR) โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 61 ทั้งหมด
นางเกศรา กล่าวถึงการปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาว่า เป็นผลมาจากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศ ซึ่งมีความเชื่อมั่นมากขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจในไทยที่แข็งแกร่งขึ้น ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อหุ้นไทยเป็น Net Buy ตั้งแต่ต้นปีกว่า 14,000 ล้านบาท และหากคิดเป็นเฉพาะเดือน ก.ย.มีมูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท ซึ่งอัตราการหมุนเวียนของหุ้นต่อมาร์เก็ตแคปยังถือว่าอยู่ในระดับไม่น่ากังวล โดยอยู่ที่ประมาณ 60% เท่านั้น เมื่อเทียบกับในอดีตที่ตลาดร้อนแรงเคยสูงถึง 90-100%
ส่วนราคาหุ้นของตลาดหุ้นไทยปัจจุบันถือว่ายังไม่แพง เมื่อเทียบกับภูมิภาค เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาตลาดอื่นๆปรับตัวไปสูงมาก โดยสำนักวิจัยหลายแห่งยังเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นไทยในปี 61จะดีกว่าปี 60 ตามตัวเลข GDP ที่จะสูงขึ้น และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่มีแนวโน้มดีขึ้นด้วย