KIAT โอดปีนี้กำไรลดหลังรายได้ต่ำกว่าเป้า รับปริมาณขนส่งก๊าซ NGV หดตัว
KIAT โอดปีนี้กำไรลดหลังรายได้ต่ำกว่าเป้า รับปริมาณขนส่งก๊าซ NGV หดตัว – เตรียมปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อชดเชย
นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกียรติธนาขนส่ง จำกัด (มหาชน) หรือ KIAT เปิดเผยว่า กำไรของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะลดลงาจากปีก่อนที่มีกำไร 115.27 ล้านบาทเนื่องจากรายได้น่าจะเติบโตได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7-8% เหลือเติบโต 5% จากปีก่อนที่มีรายได้ 838.10 ล้านบาท เนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบมาจากปริมาณการขนส่งก๊าซ NGV มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องตามความต้องการใช้ก๊าซ NGV หลังจากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง
ประกอบกับ การที่มีการประกาศลอยตัวราคาก๊าซ NGV ส่งผลต่อความต้องการใช้ก๊าซ NGV ที่ลดลงมาก อีกทั้งลูกค้าหลักของบริษัทที่มีสถานีบริการเติมก๊าซ NGV เริ่มทยอยปิดกิจการสถานีก๊าซ NGV ทำให้ปริมาณการขนส่ง NGV ลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทมีการขนส่งก๊าซ NGV เป็นสัดส่วนที่มากที่สุดของการขนส่งวัตถุอันตรายทั้งหมด
อีกทั้งการที่ลูกค้าหลักรายใหญ่ของบริษัทได้รับผลกระทบเรื่องที่ดิน สปก.ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ทำให้ต้องมีการหยุดผลิตน้ำมันไประยะหนึ่ง ส่งผลกระทบต่อปริมาณการขนส่งน้ำมันที่กระทบต่อรายได้ของบริษัท แม้ว่าปัจจัยดังกล่าวจะคลี่คลายไปแล้ว แต่ผลกระทบในครึ่งปีแรกทำให้กดดันการเติบโตของรายได้ทั้งปี
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนการขนส่งในกลุ่มวัตถุอันตรายประเภทพลังงานอยู่ที่ 50% ของการขนส่งวัตถุอันตรายทั้งหมด ทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นกดดันผลการดำเนินงานของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่แนวโน้มของอัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 12% มาอยู่ที่ 10% โดยสถานการณ์ของการขนส่งก๊าซ NGV ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีสัญญาที่เริ่มทยอยหมดอายุ ทำให้บริษัทต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนกลยุทธ์การดำเนินงานให้กระจายไปยังกลุ่มวัตถุอันตรายประเภทเคมีภัณฑ์ กากอุตสาหกรรม และก๊าซอุตสาหกรรมมากขึ้น รวมถึงการหันมาขนส่งก๊าซ LNG ที่มองว่าจะมีการเติบโตที่สูงขึ้นในอนาคต
โดยเมื่อไม่นานมานี้บริษัทเพิ่งได้รับงานการขนส่งก๊าซ LNG จาก บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT อายุสัญญา 5 ปี มูลค่ารวมกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มขนส่งในเดือน ต.ค.60 คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาเฉลี่ยราวปีละ 40 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยชดเชยรายได้จากการขนส่งก๊าซ NGV ที่ลดลงไป อีกทั้งบริษัทยังได้รับงานใหม่ในการขนส่งกากอุตสาหกรรม เริ่มในไตรมาส 4/60 และยังมีการเจรจาที่จะรับขนส่งสารเคมีให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนี่ง มูลค่า 50-60 ล้านบาท คาดว่าจะได้รับงานสัดส่วน 60-70% คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการกระจายธุรกิจไปยังธุรกิจเทรดดิ้ง โดยการเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าและเทคโนโลยีทั้งหมดจาก Guardian System แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งได้จำหน่ายระบบป้องกันอุบัติเหตุจากการละสายตาและการหลับในของผู้ขับขี่รถบรรทุกขนาดใหญ่ โดยเริ่มขายตั้งแต่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา แต่ยอดขายเริ่มเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังนี้ และบริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากธุรกิจนี้เข้ามาถึงสิ้นปีนี้ราว 30 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเข้ามาสนับสนุนรายได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
“ภาพรวมของผลการดำเนินงานทั้งรายได้และกำไรในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะสูงขึ้นมากกว่าครึ่งปีแรก เพราะมีงานใหม่ๆที่เข้ามาชดเชยงานขนส่งก๊าซ NGV ที่ลดลงไปอย่างมาก ซึ่งเราจะมีงานใหม่ของ LNG จากปตท.งานขนส่งกากอุตสาหกรรม และรายได้จากธุรกิจเทรดดิ้งที่เข้ามา ทำให้ผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตขึ้นจากครึ่งปีแรก แต่ถ้ามองทั้งปีรายได้ยังโตแต่น้อยกว่าเป้า ส่วนกำไรก็มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อน เพราะผลกระทบจากการขนส่งก๊าซ NGV ที่กดดันเรา เพราะเราส่งก๊าซ NGV มากที่สุดในกลุ่มวัตถุอันตราย”นายคีรินทร์ กล่าว
ด้านการลงทุนใหม่ๆ โดยเฉพาะการซื้อกิจการนั้นบริษัทได้ชะลอแผนงานดังกล่าวออกไปก่อน เพราะใช้ระยะเวลาในการพิจารณาที่ค่อนข้างนาน และการได้ผลตอบแทนกลับมายังมีระยะเวลาที่ผลตอบแทนเข้ามาอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงการที่บริษัทได้หันมาเน้นปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัท หลังจากการขนส่งวัตถุอันตรายที่บริษัทมุ่งเน้นเริ่มมีแนวโน้มปริมาณการขนส่งที่ลดลง และทำให้บริษัทมีการมองไปถึงธุรกิจอื่นๆที่สามารถต่อยอดได้
พร้อมกันนี้บริษัทยังได้พัฒนาระบบการบริหารฟลีทขนส่ง โดยปรับแนวทางการควบคุมและตรวจสอบระบบการเดินรถของบริษัท จากระบบกระจายศูนย์ (Decentralized) มาเป็นระบบรวมศูนย์ (Centralized) เพื่อยกระดับการมให้บริการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถควบคุมการทำงานของพนักงานขับรถทุกคันที่เป็นการทำงานควบคู่กับระบบ GPS จากด่าวเทียมของรถ KIAT ทุกคัน ที่ตรงเข้าศูนย์บัญชาการ ณ สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี
และทำให้เป็นการลดการกระจายของของข้อมูลที่กระจายตามจุดต่างๆของบริษัทที่มีอยู่ 8 จุด ซึ่งทำให้การประมวลผลง่ายขึ้น และลดต้นทุนการบริหารจัดการให้ลดลง โดยบริษัทมองถึงการต่อยอดในเรื่องระบบการบริหารฟลีทขนส่งดังกล่าวมาขายให้กับบุคคลภายนอกได้ใช้งาน ซึ่งจะมีการนำเสนอต่อลูกค้าของบริษัทบางรายที่มีความสนใจ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโอกาสของบริษัท
ทั้งนี้ ในส่วนของรถบรรทุกขนาดใหญ่ของบริษัทในปัจจุบันที่ให้บริการขนส่งมีจำนวนทั้งหมด 700 คัน ให้บริการลูกค้าองค์กรกว่า 100 ราย ส่วนใหญ่เป็นการขนส่งวัตถุอันตรายที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ