แรงขายทำกำไร-วิตกหนี้กรีซฉุดดาวโจนส์ปิดวานนี้ร่วง 85 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นกว่า 260 จุดเมื่อวันศุกร์ นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนยังไม่สามารถหาทางออกเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซได้จนถึงขณะนี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,105.17 จุด ลดลง 85.94 จุด หรือ -0.47%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,993.57 จุด ลดลง 9.98 จุด หรือ -0.20% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,105.33 จุด ลดลง 10.77 จุด หรือ -0.51%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเข้าสู่ระยะพักฐานเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) โดยนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 267.05 จุด หรือ +1.49% ปิดที่ 18,191.11 จุด ภายหลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 223,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. จากระดับ 85,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี โดยตัวเลขจ้างงานเดือนเม.ย.ออกมาใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 224,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังอ่อนแรงลงเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข่าวที่ว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนเมื่อวานนี้ยังไม่สามารถหาทางคลี่คลายวิกฤตหนี้สินของกรีซได้ ในขณะที่กรีซมีกำหนดจะต้องจ่ายเงิน 750 ล้านยูโรคืนให้กับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันอังคาร
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก นำโดยหุ้นโนเบิล เอนเนอร์จี ดิ่งลง 6.2% หลังจากบริษัทตกลงซื้อกิจการโรเซทต้า รีซอสเซส มูลค่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นเอ็กซอน โมบิล และหุ้นเชฟรอน ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.1%
หุ้นกลุ่มเหมืองและกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นอัลโค อิงค์ และหุ้นมอนซานโต ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 1.2% ขณะที่หุ้นเอฟเอ็มซี คอร์ป ขยับลง 0.4% อย่างไรก็ตาม หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ ปรับขึ้น 1.7% หลังจากนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ ขณะที่หุ้นดีน ฟู๊ดส์ พุ่งขึ้น 6.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร สหรัฐจะเปิดเผยดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางสหรัฐเดือนเม.ย. ส่วนวันพุธจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค.
สำหรับวันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย. ส่วนวันศุกร์จะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน