ITEL เซ็นสัญญาเน็ตชายขอบหนุน Backlog พุ่งกว่า 3 พันลบ. พร้อมชิงเฟส 2 ต้นปี 61

นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า บริษัทให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชนบท (เฟส 2) ในช่วงเดือนม.ค.61 โดยขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อม ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้งาน 1 ใน 4 ของวงเงินลงทุนเบื้องต้น 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเน้นในพื้นที่ภาคใต้ที่บริษัทมีศักยภาพค่อนข้างมาก เนื่องจากปัจจุบันมีโครงข่ายใยแก้วนำแสงตามเส้นทางรถไฟและถนนทางหลวง 75 จังหวัดทั่วประเทศ

ขณะที่ในด้านวงเงินสนับสนุนก็เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB หลังจากในโครงการเฟสแรกนั้นได้รับการสนับสนุนวงเงินจาก KTB ทั้ง 100% หรือราว 1,800 ล้านบาท และบริษัทยังมีเงินทุนหมุนเวียนราว 300-400 ล้านบาท

โดยวันนี้ (28 ก.ย.) ITEL ได้ลงนามสัญญาโครงการจัดให้มีสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่และบริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ชายขอบ กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) ในงานของกลุ่มที่ 4 (ภาคกลาง-ใต้) และกลุ่มที่ 5 (3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวม 4 อำเภอในจังหวัดสงขลา) ส่วนที่ 1 ให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Broadband Internet Service) ในวงเงินรวม 1,868 ล้านบาท

นายณัฐนัย กล่าวว่า การลงนามสัญญากับกสทช.ในวันนี้ทำให้บริษัทมีงานในมือ (Backlog) เพิ่มเป็น 3,117 ล้านบาท และในไตรมาส 4/60 จะรับรู้รายได้จากงานที่เซ็นวันนี้ประมาณ 120 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6%ของมูลค่าโครงการ  โดยค่าบริการไม่เกิน 200 บาท/เดือน ไม่ได้ทำให้บริษัทขาดทุน เพราะเป็นการขยายจุดรับบริการ

นอกจากนี้ในเดือนพ.ย.นี้ บริษัทจะเซ็นสัญญาโครงการให้บริการโครงข่ายใยแก้วนำแสงบนดิน เป็นการ Back up โครงข่ายเคเบิลใต้น้ำของบริษัท คัมปานา จำกัด ซึ่งเชื่อมต่อประเทศเมียนมา ไทย สิงคโปร์ ในวงเงิน 600 ล้านบาท ระยะเวลา 10 ปี

ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างการเจรจาหาพันธมิตรร่วมลงทุนโครงข่ายใยแก้วนำแสงในประเทศมาเลเซีย เพื่อเชื่อมต่อ Traffic ไปยังประเทศสิงคโปร์  ซึ่งการเจรจาสรรหาพันธมิตรเป็นไปค่อนข้างยาก เพราะติดเรื่องการเมือง และศาสนา แต่ก็คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในปีหน้า

ส่วนการเข้าร่วมลงทุนในโครงการเสาสื่อสารโทรคมนาคมในเมียนมา ขณะนี้ได้ล้มโครงการดังกล่าวแล้วเพราะพันธมิตรที่เจรจาไม่สามารถหาตลาดรองรับได้ อย่างไรก็ตามยังมองหาโครงการที่เกี่ยวกับโทรคมนาคมในเมียนมาต่อไป