นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมลงนามในพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุนให้สิทธิขายไฟฟ้า ตามโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการ กับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ณ ที่ทำการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยโครงการฯ ที่กลุ่มบริษัทบีซีพีจีเป็นผู้ร่วมลงทุนผ่านการคัดเลือก 2 โครงการ คิดเป็นกำลังการผลิตรวมประมาณ 9 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย
1. โครงการที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ร่วมกับ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เขตลพบุรี กำลังการผลิตตามสัญญา 5 เมกะวัตต์
2. โครงการที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เขตสุพรรณบุรี กำลังการผลิตตามสัญญาประมาณ 4 เมกะวัตต์
โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในต้นปี 2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 และสามารถรับรู้รายได้ในทันทีด้วยอัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่ 4.12 บาทต่อหน่วยเป็นระยะเวลา 25 ปี กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)
อีกทั้งจะเห็นได้ว่าโครงการที่บีซีพีจีร่วมลงทุนเป็นการขยายธุรกิจไปในพื้นที่ที่ใกล้กับที่ตั้งโครงการเดิมทั้งโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์สหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดอยุธยาและจังหวัดอ่างทอง จึงทำให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้บุคลากรและอุปกรณ์เครื่องมือบางส่วนร่วมกันได้
นอกจากนี้ จากการที่บีซีพีจีดำเนินธุรกิจโซลาร์ฟาร์มในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2554 จนปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมเกือบ 200 เมกะวัตต์ ทำให้เรามีพันธมิตรที่พร้อมจะร่วมมือทำงานและจัดหาวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างด้วยต้นทุนต่ำ รวมถึงค่าที่ดินที่บริษัทจัดหามาได้ในราคาที่เหมาะสม ทำให้เกิดต้นทุนที่แข่งขันได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดอัตราผลตอบแทนสูงขึ้น
ในขณะเดียวกันเรามีความตั้งใจจะให้โครงการดังกล่าวก่อประโยชน์กับทหารผ่านศึกทั้งทางตรงจากส่วนแบ่งรายได้ที่มั่นคง และทางอ้อมทั้งจากนโยบายการสร้างงานให้ทหารผ่านศึกและชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้เกิดความยั่งยืนทั้งต่อชุมชนและหน่วยงานรัฐ
ทั้งนี้ การสนับสนุนโครงการโซลาร์ราชการ เป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ในการดำเนินงานที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสังคม ตามแนวทางการทำกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) โดยนายบัณฑิตได้แสดงความขอบคุณองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกที่คัดเลือกผู้ร่วมลงทุนที่มีความมั่นคงและมีประสบการณ์ในการดำเนินการ
รวมทั้งมีหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ ทำให้มั่นใจได้ว่าโครงการโซลาร์ราชการทุกโครงการจะสำเร็จตามเจตนารมณ์และสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติในวงกว้าง
“บริษัทฯ มีความยินดีที่จะเข้าร่วมโครงการอื่นๆ เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการในประเทศหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการลงทุนในโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป และอยู่ระหว่างศึกษาโครงการ Internet of Energy หรือการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนผ่านทางอินเตอร์เน็ตร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศอีกด้วย”
อย่างไรก็ตาม ในปี 2560 บริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งทั่วโลกรวมทั้งสิ้น 585 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 211 เมกะวัตต์จากปี 2559 โดยเพิ่มจากโครงการโซลาร์ราชการ 9 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ 20 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ที่ประเทศอินโดนีเซีย 182 เมกะวัตต์
อนึ่ง ถ้านับในส่วนของกำลังการผลิตที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มจาก 203 เมกะวัตต์ในปี 2559 เป็น 394 เมกะวัตต์ในปีนี้แล้ว จัดว่าบีซีพีจีมีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา (ปี 2559) เกือบเท่าตัวหรือประมาณร้อยละ 94