SAMART มั่นใจ Q4/60 พลิกกำไร จ่อรุกธุรกิจดิจิตอลเต็มสูบ ดันรายได้ปีนี้ราว 2 หมื่นลบ.
SAMART มั่นใจ Q4/60 จะพลิกมีกำไร หลังจ่อรุกธุรกิจดิจิตอลเต็มสูบ ดันรายได้ปีนี้ราว 2 หมื่นลบ.
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART เปิดเผยว่า บริษัทคาดในปีนี้จะมีรายได้รวมประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยแทบไม่มีรายได้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่และมีผลขาดทุนสต๊อกด้วยจึงคาดภาพรวมทั้งปีจะขาดทุน โดยเห็นว่าผลประกอบการกลุ่มบริษัทจะต่ำสุดในไตรมาส 2/60 แม้ว่าในไตรมาส 4/60 เชื่อว่าจะเริ่มพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจาก สามารถ ดิจิตอล” (SAMART Digital) พร้อมรุกธุรกิจดิจิตอลเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ ผลประกอบการในปี 59 SAMART มีรายได้รวม 1.38 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 71 ล้านบาท และในช่วงครึ่งแรกของปี 60 มีรายได้ 6.86 พันล้านบาท และมีผลขาดทุน 153 ล้านบาท
“เรามีรายได้จากการขายมือถือเป็นหลักมานาน 10 ปีแล้ว ยอมรับว่าโทรศัพท์มือถือมีการแข่งขันมาก โอเปอเรเตอร์ก็ลงมาเล่นด้วย เราก็ปรับตัวเองมาสักพัก เริ่มเห็นสัญญาณมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เราต้องเปลี่ยนให้เร็ว เราเห็นโลกก็เปลี่ยนเป็นดิจิตอลไปหมด เราดูว่าสิ่งที่เราถนัดเป็น Digital Service หาช่องทางใหม่ แต่เราก็ยังมีธุรกิจขายมือถือแต่ไม่ใช่ขายเป็นแสนตัวแล้ว เหลือแค่หลักหมื่น และก็จะหารายได้ประจำเข้ามามากขึ้น เชื่อว่าปีหน้าจะดีกว่าปีนี้” นายวัฒน์ชัย กล่าว
โดยในช่วง 1-2 ปีนี้ กลุ่มบริษัทจะมีรายได้หลักมาจาก บริษัท สามารถ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL หรือมีสัดส่วน 40% บริษัท สามารถ ยู-ทรานส์ จำกัด มีสัดส่วน 30% ส่วนรายได้จาก บริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) หรือ SIM จะลดลงไปหลังจากไม่ขายเน้นการเครื่องโทรศัพท์มือถือ หรือมีสัดส่วนรายได้ราว 20% จะคาดว่าในอนาคตจะกลับมามีโครงสร้างรายได้สัดส่วนใกล้เคียงกันทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ
ทั้งนี้ SAMTEL คาดปีนี้จะมีรายได้ราว 7-8 พันล้านบาท จากงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ 8-9 พันล้านบาท และคาดว่าจะลงนามสัญญาอีก 3-4 พันล้านบาทในไตรมาส 4/60 จึงน่าจะทำให้สิ้นปีนี้ backlog ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท และมีลูกค้ากระจายกลุ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมีรายได้ประจำขึ้นมา 40% และตั้งเป้าจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 50%
นายวัฒน์ชัย กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนนำ บริษัท สามารถ ทรานส์ โซลูชั่น จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นในปี 61 โดยบริษัท สามารถ ทรานส์ โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจให้บริการควบคุมจราจรทุกรูปแบบ รวมถึงประกอบกิจการที่เกี่ยวกับการขนส่งทุกประเภท ซึ่งเป็นบริษัทเพิ่งจัดตั้งโดย บริษัท สามารถ ยู-ทรานส์ จำกัด ถือหุ้น 99.99%
ขณะเดียวกัน บริษัทจะเลื่อนการนำ บริษัท ไอสปอร์ต จำกัด เข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ออกไปก่อน จากเดิมตั้งเป้าเข้าในไตรมาส 3/60 เนื่องจากสื่อโฆษณาไม่ได้เข้ามาตามเป้าหมาย จึงจำเป็นต้องรอปรับเปลี่ยนเป็น Digital Sport ก่อน
สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับธุรกิจพลังงานทดแทน บริษัทยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง คาดว่าจะได้ความชัดเจนต้นปี 61 ส่วนธุรกิจของ SAMART Digital ที่ปรับเปลี่ยนจาก SIM เริ่มจากเมื่อ ก.ย.ที่ผ่านมาบริษัท สามารถคอมมิวนิเคชั่น เซอร์วิส จำกัด (เอสไอเอสซี คอนซอร์เตียม จากร่วมทุนระหว่าง SIM และ สามารถคอมมิวนิเคชั่น) ) เพิ่งลงนามสัญญาโครงการติดตั้งอุปกรณ์โครงข่ายวิทยุคมนาคมระบบดิจิตอล (DTRS: Digita Trunked Radio System) จำนวน 1 พันแห่ง มูลค่า 6 พันล้านบาทของ กสท.เพื่อขยายขีดความสามารถในการให้บริการโครงข่าย DTRS และเพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานของผู้ใช้บริการในพื้นที่ที่มีความต้องการได้อย่างเพียงพอ โดยสัญญาจะสิ้นสุดในปี 68
โดย SAMART Digital จะมีรายได้จากการขายเครื่องลูกข่ายรวมถึงการทำตลาดในลักษณะ Private Network และการให้บริการข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งเป้าจากการขายเครื่องที่ 1 แสน – 1.5 แสนตัว และรายได้ที่ 3,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 2-3 ปี จากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นองค์กรภาครัฐที่เน้นการสื่อสารทางไกล เป็นกลุ่มใหญ่ และต้องการความปลอดภัยในการสื่อสาร
“ตลาดภาพรวมตลาดวิทยุสื่อสารเฉพาะกลุ่ม (Trunked Radio) มีผู้ใช้ 8.7 แสนตัว บริษัทจะช่วยทำการตลาดให้กับกสท.ด้วย และจะมีรายได้จากการขายเครื่องได้เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำได้ 2-3 แสนตัว ค่าบริการเก็บเท่ากับที่ กสท.เก็บอยู่คือ 800 บาท/เดือน เราได้ 500 บาท กสท.ได้ 300 บาท กลุ่ม SAMART จะติตตั้งสถานีฐานกระจายทั่วประเทศ ทั้งหมด 1,500 ฐาน ภายใน 1 ปีครึ่ง โดยใช้คลื่นของ กสท. ตอนนี้ให้บริการได้เพราะของกสท.ใช้ในกรุงเทพ” นายวัฒน์ชัยกล่าว
นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการความร่วมมือกับกสท.ในการติดตั้งเสาสัญญาณร่วมในเขตอุทยานแห่งชาติ (Co-Tower) โดยอยู่ระหว่างเจรจา คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเดือน ต.ค.นี้ โดยกลุ่ม SAMART รับจ้าง กสท.ติดตั้งเสาสัญญาร่วมดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ มีบริษัทที่รองรับบริการนี้แล้ว