GRAND บวก 3 วันติด! ทำนิวไฮในรอบ 2 ปี รับข่าวดึงกลุ่ม”Sumitomo”ร่วมทุน
GRAND บวก 3 วันติด ทำนิวไฮในรอบ 2 ปี หลังดึงกลุ่ม "Sumitomo" ร่วมพัฒนาคอนโดย่านสุขุมวิท ล่าสุดปิดตลาดภาคเช้าราคาอยู่ที่ 1.40 บาท บวก 0.11 บาท หรือ 8.53% สูงสุดที่ 1.45 บาท ต่ำสุดที่ 1.31 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 102.86 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAND ปิดตลาดภาคเช้าราคาอยู่ที่ 1.40 บาท บวก 0.11 บาท หรือ 8.53% สูงสุดที่ 1.45 บาท ต่ำสุดที่ 1.31 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 102.86 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.16%
โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.23 บาท เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2560 ขณะที่การปรับตัวขึ้นในวันนี้ทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี 4 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.41 บาท เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2558
ทั้งนี้ราคาหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้นหลังจาก บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF และ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAND ดึงบริษัทในกลุ่มของ Sumitomo Foresty Co.,Ltd จากญี่ปุ่นเข้าร่วมทุนเพื่อพัฒนาโครงการอาคารชุดพักอาศัยบริเวณถนนสุขุมวิท 59 เพื่อขาย
โดย GRAND จะขายหุ้นในบริษัท แกรนด์สตาร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยให้ PF จำนวน 330,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท คิดเป็น 11% รวมเป็นมูลค่า 33 ล้านบาท และจะขายหุ้นให้กับ Sumitomo จำนวน 1,470,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท คิดเป็นสัดส่วน 49% รวมเป็นมูลค่า 147 ล้านบาท
อนึ่ง PF เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน GRAND ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมสัดส่วน 42.32%
สำหรับการร่วมทุนดังกล่าวเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพและโอกาสในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทให้ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น และเป็นการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจให้แห่บริษัท ทั้งยังเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือในการประกอบธุรกิจให้แก่บริษัทด้วย เนื่องจาก Sumitomo เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น มีการลงทุนในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก และมีความแข็งแกร่งด้านเงินทุน รวมทั้งมีเครือข่ายการตลาดที่กว้างขวาง
นอกจากนั้น Sumitomo ยังเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการจัดหาวัสดุอุปกรณ์และมีเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างและตกแต่งอาคารประเภทต่างๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จ รวมทั้งมีส่วนช่วยขยายฐานลูกค้าและสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ธุรกิจของบริษัทมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวญี่ปุ่น