ดาวโจนส์ปิดวานนี้ปรับลงตลาดยังวิตกปัญหาหนี้กรีซ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สินของกรีซ หลังจากรมว.คลังกรีซได้ออกมายอมรับว่า กรีซอาจเผชิญปัญหาการขาดสภาพคล่อง


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดวานนี้ (12 พ.ค.58) ที่ 18,068.23 จุด ลดลง 36.94 จุด หรือ -0.20% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,976.19 จุด ลดลง 17.38 จุด หรือ -0.35% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,099.12 จุด ลดลง 6.21 จุด หรือ -0.29%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้กรีซ หลังจากนายยานิส วารูฟากิส รมว.คลังกรีซ เปิดเผยว่า กรีซอาจเผชิญวิกฤตสภาพคล่องในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ โดยระบุว่าสถานการณ์ทางการเงินของกรีซเป็นประเด็นที่มีความเร่งด่วนอย่างมาก

กรีซมีเวลาจนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.เพื่อที่จะบรรลุข้อตกลงด้านการปฏิรูปกับบรรดาเจ้าหนี้ ขณะที่ฐานะการคลังของประเทศย่ำแย่ลงมากจนกระทั่งต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐบาลภายในประเทศ ทั้งนี้ วิกฤตหนี้สินของกรีซจุดปะทุให้มีกระแสคาดการณ์ว่ากรีซอาจผิดนัดชำระหนี้และอาจต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกของยูโรโซน

อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ค่อนข้างเป็นบวก โดยสมาพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติของสหรัฐ (NFIB) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจขนาดย่อมของสหรัฐดีดตัวสู่ระดับ 96.9 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 95.2 ในเดือนมี.ค. เพราะได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของตัวเลขจ้างงาน

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) สาขานิวยอร์กระบุว่า หนี้ภาคครัวเรือนของสหรัฐ ซึ่งได้แก่ เงินกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย, รถยนต์ และเงินกู้เพื่อการศึกษา รวมทั้งหนี้บัตรเครดิต ขยับขึ้นเพียง 0.2% ในไตรมาสแรก สู่ระดับ 11.85 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว

หุ้น AOL ซึ่งเป็นบริษัทมีเดียและเทคโนโลยี พุ่งขึ้น 18.62% และหุ้นเวริซอน คอมมูนิเคชัน ขยับลง 0.36% หลังจากมีรายงานว่า เวริซอน คอมมูนิเคชัน ลงนามในข้อตกลงซื้อกิจการ AOL มูลค่า 50 ดอลลาร์ต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 4.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หุ้น Gap ซึ่งเป็นผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าชื่อดัง ร่วงลง 3.79% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายสุทธิในไตรมาสแรกลดลง 3% สู่ระดับ 3.66 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้วที่ระดับ 3.77 พันล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนเม.ย.และสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. ขณะที่วันพฤหัสบดี สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.

ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนพ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรม-อัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงต้นเดือนพ.ค.จากรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน

Back to top button